ฟุตบอลชายเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย “ช้างศึก”ทีมชาติไทย ลงสนามที่ปากันซารี พบกับ บังกลาเทศ โดยเกมแรกไทยตามตีเสมอ กาตาร์ 1-1 ขณะที่บังกลาเทศ แพ้ อุซเบกิสถาน 0-3 เกมนี้ “โค้ชโย่ง”วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือใหญ่ปรับทัพเล็กน้อยด้วยการส่ง เอกนิษฐ์ ปัญญา กองกลางจากเชียงใหม่ เอฟซี และ ศฤงคาร พรหมสุภะ กองหลังจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ลงสนามเป็นตัวจริง ขณะที่เกมรุกยังใช้บริการของ เจนรบ สำเภาดี, สุภโชค สารชาติ และ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา เป็นตัวหลัก

เริ่มเกมไทยเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่าโดยมีโอกาสครอบครองบอลถึง 74 เปอร์เซ็นต์แต่ว่ายังสร้างโอกาสเข้าไปลุ้นประตูแบบจะแจ้งไม่ได้เนื่องจาก บังกลาเทศ เน้นการตั้งรับลึกในแดนตัวเองแถมมีโอกาสโต้กลับเกือบได้ประตูขึ้นนำหลายครั้งแต่ยังไม่เฉียบคมเอง

เข้าสู่นาที 41 ได้ลุ้นแบบจะแจ้งครั้งแรกจากการโหม่งชงของ สุภโชค สารชาติ ให้ เจนรบ สำเภาดี ได้ยิงในกรอบแต่บอลติดบล็อกกองหลังหลุดกรอบ ก่อนที่นาทีเดียวกันไทยปรับทัพด้วยการส่ง นพพล พลคำ ลงคุมแดนกลางแทน เอกนิษฐ์ ปัญญา อย่างไรก็ดีช่วงเวลาที่เหลือไม่มีจังหวะลุ้นสกอร์เพิ่มจบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังนาที 48 ไทยเกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกฟรีคิก ชัยวัฒน์ บุราญ เปิดไปเสาสองให้ ศฤงคาร พรหมสุภะ วิ่งเข้าเหยียดเท้าเปลี่ยนทางบอลแต่ยังติดเซฟของผู้รักษาประตูบังกลาเทศ เข้าสู่นาที 52 บังกลาเทศ ได้ทุ่มไกลเข้ากลางประตู นนท์ ม่วงงาม ผู้รักษาประตูทีมชาติไทยออกมาตัดบอลไม่ดีเลยมาถึง ราห์มาน มาห์บูบูร์ จิ้มเข้าประตูให้บังกลางเทศขึ้นนำก่อน 1-0 บีบให้ไทยต้องปรับแผนด้วยการส่ง ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าตัวทีเด็ดจากนัดที่แล้วลงเล่นแทน พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล

นาที 61 ไทยต้องเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายด้วยการส่ง ชินภัทร ลีเอาะ เซ็นเตอร์แบ๊กตัวหลักลงเล่นแทน วรวุฒิ นามเวช ที่มีอาการบาดเจ็บ นาที 73 วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ได้โอกาสยิงไกลจากนอกกรอบแต่บอลเบาเข้ามือผู้รักษาประตู

นาที 80 ไทยได้บุก ชัยวัฒน์ บุราญ เปิดจากกราบขวาไปเสาสองผู้รักษาประตูบังกลาเทศปัดบอลไม่ดีเข้าทาง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จ่ายเข้ากลางให้ ศุภชัย ใจเด็ด ยิงโล่งๆ พาไทยตีเสมอ 1-1 และเป็นประตูที่ 2 ของศุภชัย ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2018 อย่างไรก็ดีช่วงเวลาที่เหลือไทยทำอะไรเพิ่มไม่ได้จบเกมไทยเสมอบังกลาเทศ 1-1 แบ่งทีมละ 1 คะแนนโดยทีมชาติไทยมี 2 แต้มจาก 2 นัด นัดสุดท้ายพบกับ อุซเบกิสถาน วันที่ 19 ส.ค. เวลา 19.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน