เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการสานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลก โดยที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินการจัดการแข่งขันใน 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความก้าวหน้ามากขึ้น มีทีมเข้าร่วมแข่งขันในปีที่ 3 ฤดูกาล 2018/19 เพิ่มขึ้นจากเดิม 23 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ผลงานที่ผ่านมายังทำให้มีผู้เล่นติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี 37 คน และมีนักเตะได้เซ็นสัญญาอาชีพ 307 คนด้วยกันจากนั้นที่ประชุมได้มีการเสนอแนวคิดจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนนานาชาติ รุ่น 17 ปี โดยจะมีการเชิญทีมจากทั่วโลก

นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการรายงานว่า สำหรับการแข่งขันรุ่นยู-15 และยู-19 จะให้สิทธิ์ไวลด์การ์ด เชิญทีมหมูป่า อคาเดมี ได้เข้าร่วมแข่งขันในรอบคัดเลือกของภาคเหนือ ทว่าในที่ประชุมนั้นไม่เห็นด้วยที่จะมีการเชิญทีมใดทีมหนึ่งแบบเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ เนื่องจากว่าในประเทศไทยก็ยังมีอีกหลายทีมที่เป็นระบบอคาเดมี ที่อาจจะส่งผลกระทบได้

พ.ท.รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ การกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ได้เสนอให้วางหลักเกณฑ์ในการเชิญทีมระดับอคาเดมี เข้ามาร่วมแข่งขันรุ่นอายุละ 1-2 ทีม โดยทางกกท. จะร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ในการคัดเลือกทีมที่จะเข้าร่วมแข่งขัน ให้ได้มาตรฐานและมีศักยภาพที่จะเข้าร่วมแข่งขันได้

ภายหลังการประชุม พ.ท.รุจ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันลีกเยาวชนแห่งชาติใน 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้รับการยอมรับที่ดี และดำเนินการต่อในปีที่ 3 แต่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นมาคือเรื่องของการเก็บฐานข้อมูลต่างๆ ในเชิงสถิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้เล่น, สโมสร หรือผู้ตัดสิน ให้มากขึ้น และเสริมต่อในเรื่องของการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ที่เข้าแข่งขันมากขึ้น

รองผู้ว่าฯกกท. กล่าวปิดท้ายว่า ส่วนเรื่องหลักเกณฑ์ในการเชิญทีมระดับอคาเดมีนั้น จะเป็นการทำให้ครบองค์ประกอบของการทำระดับเยาวชน ที่มีทั้งทีมจากสโมสรไทยลีก, ทีมจากสมาคมกีฬาจังหวัด และทีมจากอคาเดมี ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ส่วนการเชิญมาอาจจะแบ่งออกเป็นเชิญเข้าแข่งขันในรอบคัดเลือก หรือเข้ารอบในระบบลีก ซึ่งจะมีการพิจารณากันอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน