การแข่งขันตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 33 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ได้มีพิธีปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 30 ก.ย. โดยมี นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ เป็นประธานปิดการแข่งขัน ไฮไลต์อยู่ที่ เซปักตะกร้อประเภททีมชุดชาย (ชิงถ้วยพระราชทาน) รอบชิงชนะเลิศ ทีมนักหวดลูกพลาสติกชายไทย ดีกรีแชมป์เก่า 30 สมัย พบกับ คู่ปรับตลอดกาล “เสือเหลือง” มาเลเซีย เริ่มจาก ทีมชุด ก. ไทย ส่ง อัษดิน วงศ์โยธา, อนุวัฒน์ ชัยชนะ และ กฤษณะพงษ์ นนทโคตร ลงเสิร์ฟ เอาชนะมาเลเซียไปก่อน 21-12, 21-17

ต่อด้วย ทีมชุด ข. ทีมตะกร้อชายไทย ประกอบด้วย ภัทรพงษ์ ยุพดี, ศิริวัฒน์ สาขา และ พรชัย เค้าแก้ว ซูเปอร์สตาร์ตัวฟาดวัย 37 ปี ดวลกับ มาเลเซีย ซึ่งรูปเกมแม้ว่าช่วงต้นเซตของทั้งสองเซตนั้น คู่ปรับตัวฉกาจจะสร้างความหนักใจให้กับทีมไทยด้วยการเบียดไล่แต้มกันอย่างสนุกในช่วงเริ่มเซตก็ตาม แต่หลังจากนั้น เมื่อขุนพลนักหวดลูกพลาสติกชายไทย ปรับจูนระบบทีมเวิร์กเข้ากันได้แล้ว ก็กลายเป็นทีมไทยที่จัดการฉายแบบม้วนเดียวจบ และในทีมชุด ข. ทีมไทย เอาชนะไปได้แบบสบาย ๆ 21-16, 21-16 สรุป ทีมตะกร้อชายไทย เอาชนะ มาเลเซีย 2-0 ทีม (ผล ทีม ก. 21-12, 21-17 ทีม ข. 21-16, 21-16) ป้องกันแชมป์ไว้ได้เป็นสมัยที่ 31

สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ กำหนดจัดการชิงชัย 10 ประเภท โดยทีมตะกร้อชายและหญิงทีมชาติไทย ส่งทีมเข้าสู้ศึก 6 ประเภท ได้แก่ ทีมชุดชาย-หญิง, ตะกร้อ 4 คนชาย-หญิง และ ตะกร้อลอดห่วงสากลชาย-หญิง ปรากฎว่า ทีมตะกร้อชายและหญิงทีมชาติไทย จัดการกวาดเรียบทั้งหมด 6 เหรียญทอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน