การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2018 รอบที่ 2 ที่สนามโอซาก้า เซนเตอร์ ยิมเนเซียม เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม เป็นเกมแข่งขันนัดสุดท้าย กลุ่มเอฟ ระหว่าง ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย อันดับ 16 ของโลก พบกับ ทีมชาติตุรกี อันดับ 12 ของโลก
ก่อนลงสนามแข่งขันนัดนี้ทั้งสาวไทย และตุรกี ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 3 ได้เป็นที่แน่นอนแล้ว โดยในกลุ่มเอฟ 4 ทีมที่ตกรอบได้แก่ ไทย, ตุรกี, บัลเกเรีย และอาเซอร์ไบจาน ดังนั้นการพบกันในนัดสุดท้ายนี้จึงเป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงอันดับ 10-13 ของทั้ง 4 ทีม
เงื่อนไขก่อนแข่งคือ หากสาวไทยต้องการคว้าอันดับดีที่สุดคือ อันดับ 10 จะต้อง เอาชนะตุรกี 3-0 เซ็ต หรือ 3-1 เซ็ต และต้องลุ้นให้ โดมินิกัน แพ้ เยอรมนี 0-3 เซ็ต หรือ 1-3 เซ็ต แต่หากไทยเอาชนะตุรกี 3-2 เซ็ตจะจบอันดับที่ 11 ทันที
ขณะเดียวกันหากสาวไทยแพ้ ไม่ว่าจะสกอร์เท่าไหร่ก็ตาม และบัลแกเรีย แพ้ อาเซอร์ไบจาน ไทย จะจบอันดับ 12 ในทางกลับกันหากไทยแพ้ ไม่ว่าจะสกอร์เท่าไหร่ก็ตาม และบัลแกเรีย ชนะ อาเซอร์ไบจาน ไม่ว่าจะสกอร์เท่าไหร่ก็ตาม ไทย จะจบอันดับ 13
ซึ่งคู่แข่งขันที่มีผลกับไทยและแข่งจบก่อนคู่ของไทยกับตุรกี ปรากฎว่า บัลแกเรีย ชนะ อาร์เซอร์ไบจาน 3-0 เซ็ต 25 – 19, 25 – 20, 25 – 20 ส่วนเยอรมนี แพ้ โดมินิกัน 0-3 เซ็ต 12-25, 19-25, 17-25ทำให้ก่อนแข่งไทยต้องเอาชนะตุรกีเท่านั้นเพื่อลุ้นอันดับ 10 กับ 11
“โค้ชด่วน” นายดนัย ศรีวัชรเมธากุล พาทีมจบอันดับ 3 ของกลุ่มซี ในรอบแรก และเข้ามาสู่รอบที่ 2 เป็นครั้งที่ 2 ของทัพสาวไทย เกมนี้จัดตัวหลักชุดแรกลงสนามประกอบด้วย “อร” อรอุมา สิทธิรักษ์, “ปู” มลิกา กันทอง, “กิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, “แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง, “หน่อง” ปลื้มจิตร์ ถินขาว, “พู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ โดยมี “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย เป็นลิเบโร่
ผลปรากฏว่า เซ็ตแรกไทยสู้ได้ดี เอาชนะไปก่อน 25-22 แต่หลังจากนั้นตุรกีแก้เกมมาดี เอาคืนได้ 3 เซ็ตรวด จบเกมสาวไทย พ่าย 1-3 เซ็ต 25-22, 20-25, 22-25, 20-25 ส่งผลให้ตบสาวไทยจบอันดับ 13 ในรายการนี้
