“โค้ชเฮง”วิทยา เลาหกุล อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ได้วางแผนการเตรียมทีมชาติไทยทุกชุดตลอดทั้งปี 2560 เบื้องต้นเอาไว้แล้ว ซึ่งจะเริ่มต้นที่ทีมฟุตบอลหญิงชุดใหญ่มีโปแกรมแข่งขันฟุตบอลสี่เส้า ที่ประเทศจีน วันที่ 17-25 ม.ค. แต่ทีมฟุตบอลหญิงไม่น่าห่วง เพราะได้เรียกเก็บในวันที่ 4 ม.ค.
หลังจากนั้นทีมฟุตบอลชาย รุ่น 16 ปี และรุ่น 19 ปี จะมีโปรแกรมแข่งขันที่ฮ่องกง ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. แต่ทั้ง 2 ชุดยังไม่มีหัวหน้าผู้ฝึกสอน ดังนั้นจะต้องเร่งหาเฮดโค้ชมาคุมทัพ
โค้ชเฮงกล่าวอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าทีมรุ่น 16 ปี และรุ่น 19 ปี น่าจะใช้โค้ชต่างชาติ แต่คงต้องพิจารณาเรื่องเงินค่าเหนื่อย เพราะถ้าเรียกเงินเดือนสูงคงไม่ไหว ขณะที่ทีมรุ่น 23 ปีภายใต้การคุมทีมของ“โค้ชโย่ง”วรวุฒิ ศรีมะฆะ มีโปรแกรมทำศึกเยาวชนไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบคัดเลือก ช่วงวันที่ 15-23 ก.ค. และซีเกมส์ที่มาเลเซียระหว่างวันที่ 19-31 ส.ค. ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมทีมตั้งแต่ตอนนี้และเก็บตัวทุกเดือนไม่ใช่แค่ช่วงฟีฟ่าเดย์ เพื่อคัดสรรนักเตะไปด้วย แต่สิ่งที่กังวลคือแต่ละสโมสรจะปล่อยตัวนักเตะหรือไม่ รวมทั้ง 2 รายการนี้นับเป็นงานหนักทั้งสิ้น
สำหรับทัพนักเตะ“ช้างศึก”ทีมชาติชุดใหญ่มีคิวทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 6 พบ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 23 มี.ค. คิดว่าทีมชุดใหญ่ไม่น่ามีปัญหาอะไร และสโมสรพร้อมตัวนักเตะอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกค่อนข้างยากแล้ว เนื่องจากคุณภาพผู้เล่นดีในระดับหนึ่ง แต่การลงสนามแข่งขันไม่ควรใช้แรงจูงใจเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเน้นแทคติก และแนวทางการเล่นเป็นสำคัญ ซึ่งได้บอก“โค้ชซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชชุดใหญ่ว่าให้พยายามเก็บ 7-8 แต้มให้ได้
“ฝ่ายเทคนิคมีหน้าที่วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนทีมชาติไทย และคอยสนับสนุนหัวหน้าผู้ฝึกสอนแต่ละชุด ซึ่งกระแสที่ว่าผมเป็นคนแต่งตั้ง หรือปลดผู้ฝึกสอนทีมชาตินั้นไม่จริงเลย ผมพยายามนำเสนอโค้ช 4-5 คน เพื่อเป็นตัวเลือก และเราให้โอกาสโค้ชคนไทยไว้ก่อน รวมถึงในอนาคตผมอยากเห็นโค้ชคนไทยผ่านการอบรมโปร-ไลเซนส์ให้ได้ 100 คนด้วย” โค้ชเฮงกล่าว
ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย กล่าวตอนท้ายว่า นอกจากนี้ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พยายามให้โฟกัสที่ทีมชาติตั้งแต่รุ่น 12, 13, 14 ปี เพื่อวางรากฐานระยะยาว ขณะที่ทีมรุ่น 16, 19, 23 ปี ต้องทำต่อเนื่องกันไป เพื่อป้อนสู่ทีมชุดใหญ่ในระยะใกล้ แต่สิ่งเป็นห่วงคือ ถ้าทีมชุดใหญ่หมดนักเตะชุดนี้ไปแล้วจะไม่มีนักเตะใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ เพราะเท่าที่มองจากทีมเยาวชนมีไม่ถึง 3 คนที่พร้อมจะก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ ทั้งที่ควรจะก้าวขึ้นมาพร้อมกันถึง 6-7 คน
