แมนฯยู – โจเอล – อัฟราม เกลเซอร์ สองเจ้าของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมเข้าหารือกับกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบียที่เสนอขอซื้อกิจการสโมสร รายงานข่าวคาดว่าหากตระกูลเกลเซอร์จะขายเมื่อได้ตัวเลข 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 168,000 ล้านบาท
REUTERS/Phil Noble
REUTERS/Phil Noble EDITORIAL
REUTERS/Phil Noble E
กลุ่มทุนดังกล่าวมี เจ้าฟ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียอยู่เบื้องหลัง ซึ่งต้องการจะใช้การเทคโอเวอร์แมนฯยู เป็นหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ของพระองค์เอง รวมทั้งการนำกีฬาเข้าสู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยก่อนหน้านี้เพิ่งจะจัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่าง บราซิล และ อาร์เจนติน่า ขึ้นที่กรุงริยาดมาหมาดๆ
Reuters/Lee Smith
หากการเจรจาของกลุ่มทุนของมกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีทรัพย์สินมากถึง 854,000 ล้านปอนด์ จะทำให้แมนฯยู กลับมาจ่ายหนักในตลาดซื้อ-ขายนักเตะได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แฟนบอลแมนฯยู ไม่เคยยอมรับตระกูลเกลเซอร์ และแสดงท่าทีต่อต้านเศรษฐีอเมริกันมาตลอด ซึ่งการเข้ามาของกลุ่มทุนซาอุดิอาระเบียก็ไม่ได้ทำให้แฟนแมนฯยูสบายใจนัก เนื่องจาก เจ้าฟ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ตกเป็นกระแสข่าวว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารจามัล คาช็อกกี้ นักข่าวซาอุดิอาระเบียของวอชิงตัน โพสต์ อย่างโหดเหี้ยมในสถานทูตซาอุดิอาระเบียที่ตุรกี
ขณะเดียวกันสื่อในอังกฤษอีกหลายแห่งมองว่า ตระกูลเกลเซอร์ จะยังไม่ขายสโมสร แต่กระนั้นข่าวดังกล่าวก็ทำให้ หุ้นของแมนฯยู ในตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์กขยับขึ้นสูงสุดในช่วงหลายเดือน คือ 21.914 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น
สำหรับหุ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งซื้อขายให้บุคคลทั่วไปในตลาด NYSE นั้นปัจจุบันมีบริษัท 4 แห่ง คือ บารอน แคปิตอล กรุ๊ป, ลินด์เซลล์ เทรน ลิมิเตด, แลนส์โดว์น พาร์ตเนอร์ ลิมิเต็ด และ จูปีเตอร์ แอสเซต เมเนจเมนต์ ลิมิเตด ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 73 เปอร์เซนต์ หรือ “กลุ่ม เอ” อย่างไรก็ตามหากกลุ่มทุนซาอุดิอาระเบียเสนอราคาสูง ที่ 4 บริษัทยักษ์พอใจ แต่ครอบครัวเกลเซอร์ไม่ขาย ก็อาจจะบีบด้วยการเทขายหุ้นจำนวนมากออกเพื่อทำให้ราคาหุ้นตก และจะส่งผลต่อมูลค่ารวมของสโมสร อย่างไรก็ตาม 6 พี่น้องเกลเซอร์ ก็ยังถือหุ้นจำนวนมากในฐานะเจ้าของมากกว่า 98 เปอร์เซนต์ และมีอำนาจในการบริหาร และตัดสินใจมากกว่า
