การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ เปิดบ้านรับการมาเยือนของอริร่วมเมือง “ผีแดง” แมนฯ ยู ซึ่ง เรือใบสีฟ้า ต้องการ 3 แต้มเพื่อทวงจ่าฝูงคืนจากลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ ฟูแล่มมา 2-0

แมนฯซิตี้นำเร็วตั้งแต่นาที 11 ราฮีม สเตอร์ลิง เปิดลึกไปเสาไกลให้ แบร์นาโด ตบเข้ากลาง กุน อเกโร่ เข้าไม่ถึงโดน คริส สมอลลิ่ง เบียดล้มบอลตกมาตรงหน้า ซิลวา ซัดโครมเข้าไปให้ แมนฯซิตี้ออกนำอย่างรวดเร็ว 1-0

นาที 48 แมนฯยู เสียบอลกลางสนาม กุน อเกโร ทำชิ่งกับ ริยาด มาห์เรซ ก่อน อเกโร หลุดเข้าไปยิงยัดเสาแรก แสกหน้า ดาวิด เดอ เคอา เสยเพดา ขึ้นนำห่าง 2-0 เป็นประตูที่ 18 ในการเล่นในอิติฮัด สเตเดี้ยม 14 เกมหลังสุด

นาที 55 โรเมลู ลูกากู ถูกส่งลงมาแทนเจสซี่ ลินการ์ด และนาทีถัดมา ลูกากู มีส่วนกับเกมครั้งแรกก็ทะลุไปถึงเขตโทษก่อนโดน เอแดร์สัน นายทวารแมนฯซิตี้รวบล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ อองโตนี มาร์ซิยัล รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้แมนฯยู ไล่มาเป็น 1-2

แมนฯยู ที่แม้จะกลับสู่เกมได้แล้ว แต่ไม่สามารถตั้งเกมรุกได้ตามถนัด แต่แล้วนาทีที่ 87 แมนฯซิตี้ ครองบอลถ่ายบอลไปมานานเกือบนาที ดาวิด ซิลบา เปิดให้ อิลคาย กุนโดกัน หลุดกับดักล้ำหน้าโล่งๆหน้าประตู ก่อนจะซัดเผาขนเป็นประตูปิดกล่องให้ แมนฯซิตี้ เอาชนะแมนฯยู 3-1

แมนฯซิตี้กลับขึ้นจ่าฝูงจากการลงเตะ 12 นัดมี 32 แต้ม แซง ลิเวอร์พูล ที่มี 30 คะแนน แถมยังมีลูกได้เสียนำลิเวอร์พูลถึง 12 ประตู

ขณะที่ อาร์เซนอล เกือบไม่รอด ไล่ตีเสมอ วูล์ฟ 1-1 โดย ฝั่งวูล์ฟได้ประตูออกนำก่อนจาก อิบัน คาบาเยโร นาที 13 ก่อน ปืนใหญ่ได้ประตูคืนจาก เฮนริค มคิตาร์ยาน ในนาที 86

 

เพิ่มเป็นเพื่อนไลน์@ข่าวสดกีฬาที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน