กกท. หารือโรดแมปเจ้าภาพจัด ยูธโอลิมปิกเกมส์ - ยก ชลบุรี เป็นตัวเลือกที่ดี

การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท. ) ยกจังหวัดชลบุรี ศักยภาพดี พร้อมยกเป็นทางเลือกที่ดี ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 ในปี 2026

ยูธโอลิมปิกเกมส์ – เมื่อวันที่ 14 ม.ค.62 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาเเห่งประเทศไทย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาเเห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดเเข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2569 (ค.ศ.2026) ครั้งที่ 1/2562

หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยแสดงความสนใจ ที่จะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2569 (ค.ศ.2026) เมื่อเดือนต.ค. 61 ล่าสุดในการประชุมคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการเสนอตัวจัดเเข่งขันฯ ได้หารือถึงเเผนดำเนินงาน พร้อมกำหนดเมืองในขั้นต้นที่ตรงสเป็ค เพื่อวางกรอบให้คณะทำงานฯ เข้าทำการสำรวจเก็บข้อมูล ก่อนนำเสนอกับ ครม.อีกรอบ เพื่อขอความเห็นชอบ ก่อนนำข้อมูลทั้งหมดเสนอกับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ที่ประชุมได้ลงความเห็น ให้ตั้งคณะทำงานเข้าสำรวจความพร้อมในด้านต่างๆของ จ.ชลบุรี เพื่อดูว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเเค่ไหน หากจะใช้เป็นเมืองหลักในการขอเสนอตัวจัดกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 รวมถึงโอกาสที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพรายการกีฬาอื่นๆ ตาม “โรดเเมป” ระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น เอเชียนอินดอร์เกมส์ ค.ศ.2021 ซีเกมส์ 2025 หรือกระทั่งเอเชียนเกมส์ 2031 เเละโอลิมปิกเกมส์ 2032

ดร.ก้องศักด ยอดมณี เปิดเผยว่า ในเรื่องขั้นตอนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2026 เหลือขั้นตอนหลักๆอีก 2 ขั้น โดยหลังจากนี้ที่ต้องเร่งทำ คือ เมื่อสำรวจเเละสรุปเเผนทั้งหมดเรียบร้อยเเล้ว จะต้องนำเเผนงานทั้งหมดเสนอเข้าที่ประชุมครม.เพื่อขอความเห็นชอบอย่างเป็นทางการ อย่างที่สอง คือ ถ้าได้รับความเห็นชอบจากครม. ก็จะเป็นทางคณะกรรมการโอลิมปิคเเห่งประเทศไทย ที่จะเข้ายื่นเเสดงความสนใจจะเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิก 2026 ไปเสนอตัวอย่างเป็นทางการกับ “ไอโอซี” อีกครั้ง

ผู้ว่า กกท. กล่าวต่อว่า เราอยากมองเเละวางเเผนการทำงานในระยะไกล ให้สอดคล้องกับเเผนพัฒนาชาติ 20 ปี โดยครั้งนี้ มีการหยิบยกเเละพิจารณาถึงภาพรวมในการที่ไทยจะเสนอจัดมหกรรมกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์, เอเชียนอินดอร์เกมส์, เอเชียนเกมส์, ยูธโอลิมปิกเกมส์ เเละโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งยูธโอลิมปิกเกมส์ ตนมองว่าไทยมีศักยภาพพอที่จะจัดได้ เบื้องต้นวางงบจัดเเข่ง 1,600 ล้านบาท (ไม่รวมงบปรับปรุงเเละก่อสร้างสนามเเข่งขันเเละฝึกซ้อม)

“ส่วนหลักการในการจัดกีฬายูธโอลิมปิก ที่ “ไอโอซี” มุ่งเน้นให้จัดตามกำลัง ให้ใช้ในสิ่งที่มีอยู่ ให้คุ้มค่าเเละให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทำให้เราต้องกลับพิจารณาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการคมนาคม การพัฒนาเมืองต่างๆตามที่รัฐบาลไทยได้มีเเผนเเละทำกันไว้ ซึ่งหลังถกเถียง ได้มติเบื้องต้น กำหนดเลือกจ.ชลบุรี ซึ่งเป็นตัวเลือกเเรกในเบื้องต้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการส่งทีมงานลงสำรวจความเหมาะสมอีกรอบ”
ดร.ก้อง กล่าวต่อว่า จังหวัดอื่นๆยังไม่ได้ปิดโอกาส เพราะนี่เป็นเพียงเเค่การประชุมครั้งเเรก ที่เราเพิ่งจะเริ่มตั้งต้นเลือกเมือง เพื่อที่จะสามารถดำเนินสำรวจข้อมูล เพื่อทำเเผนขอเสนอตัวได้ ส่วนตัวตนมองว่า ในไทยยังมีหลายเมืองที่ศักยภาพ เเละตอนนี้เรายังไม่ได้มีมติใดๆหรือตัดสินใจที้เลือกว่า ชลบุรี เป็นเมืองที่มีความเหมาะสมที่สุด

“เนื่องจากว่าในการประชุมครั้งนี้ มีการเตรียมข้อมูลเรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาภาคตะวันออก ก็เลยนำโครงการนี้เข้ามาศึกษาในที่ประชุมด้วย ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเบื้องต้นให้ศึกษาในพื้นที่จ.ชลบุรี ก่อน ซึ่งก็ถือว่ายังไม่ได้เป็นการปิดกั้น หรือตัดสินใจใดๆว่าจะต้องเป็นที่นี่ ส่วนเมืองอื่นๆ เราก็พร้อมจะศึกษาควบคู่ไปด้วย เพื่อนำข้อมูลมาเทียบเคียงกัน ดูว่าที่ไหนจะเหมาะสมที่สุดในทางวิชาการ”

ขณะที่ “เสธ.โต” พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ อดีตประธานเตรียมนักกีฬาไทย ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เเสดงความเห็นว่า ไทยมีศักยภาพดีพอที่จะเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งก่อนโฟกัสไปที่การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในอนาคต ตนอยากเห็นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพรายการนี้ก่อนเพื่อสร้างเครดิตเเละเตรียมความพร้อม ส่วนตัวมองว่าชลบุรี ก็ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีโครงสร้างพื้นฐานดี เเละค่อนข้างพร้อมในระดับหนึ่ง

“ส่วนเรื่องหมู่บ้านนักกีฬาในจ.ชลบุรี ที่จะใช้รองรับนักกีฬาเยาวชนจากทั่วโลก นับ 5-6 พันคน ทาง “ไอโอซี” ยืนยันว่าไม่อยากให้สิ้นเปลืองบก่อสร้าง ดังนั้นหากไม่ใช้โรงเเรมขนาดใหญ่ เพื่อรองรับนักกีฬาทั้งหมดในโรงเเรมเดียว ผมอยากเเนะนำให้ลองประสานกับรัฐบาลเเละการเคหะ เพื่อขอเช่าเเละเข้าใช้บ้านในโครงการที่อยู่อาศัยในจ.ชลบุรี ซึ่งกำลังก่อสร้าง เพื่อทำเป็นที่อยู่ของผู้มีรายได้น้อย และผู้ใช้แรงงานในเขตการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มาบูรณาการทำเป็นหมู่บ้านนักกีฬาเป็นการประเดิม ก่อนส่งมอบคืนเพื่อให้การเคหะเปิดให้คนในพื้นที่เช่าซื้อต่อไป”