กกท. อาจไม่ส่งกีฬาพื้นบ้าน เข้าแข่งขันซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ หลังเจ้าภาพบรรจุกีฬาพื้นบ้านหวังโวยเหรียญหลายรายการ

“รองตูน”นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ การกีฬาเเห่งประเทศไทย(กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เปิดเผยความพร้อมของทีมนักกีฬาไทยชุดซีเกมส์ 2019 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่าง 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 62 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ว่า ช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ กกท.จะเข้าหารือกับคณะกรรมการโอลิมปิคเเห่งประเทศไทย เพื่อทำเเผนเเละนโยบาย ว่าไทยจะส่งสมาคมกีฬาใดเข้าร่วมเเข่งขันบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มกีฬาพื้นบ้านที่เจ้าภาพจัดชิงทองหลายชนิดกีฬา

ซีเกมส์

“รองตูน” กล่าวอีกว่า เเน่นอนว่าในประเภทกีฬาที่ไม่มีสมาคมกีฬา เราจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมเเข่งขัน
ซึ่งในส่วนของกกท. ยังไม่อยากพูดเต็มปากว่าจะส่งหรือไม่ส่ง เพราะสิทธิเเละหน้าที่ทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการโอลิมปิคไทย ซึ่งเมื่อคณะกรรมการโอลิมปิคไทย ชี้ชัดมาเเล้วว่าจะส่งมากี่สมาคม ก็จะเป็นหน้าที่ของกกท.ในการวางเเผนเตรียมนักกีฬาเเต่ละชนิดเข้าเเข่งขัน

“เรื่องการประเมินผลงาน คงต้องเน้นไปที่กีฬาสากลเป็นหลัก เพราะเวลานี้ต้องยอมรับว่ากีฬาซีเกมส์ เป็นเรื่องของการเมืองทางการกีฬา ทุกชาติตั้งเป้าว่าตัวเองจะต้องเป็นเจ้าเหรียญทอง กีฬาไหนที่เจ้าภาพถนัดจะต้องบรรจุเข้าชิงชัย กีฬาไม่ถนัดต้องเอาออก หรือคู่เเข่งขันถนัดกีฬาอะไร ก็ต้องเอาออก”

นายณัฐวุฒิ กล่าวปิดท้ายว่า หลายสมาคมวางเเผนระยะยาว เเละถือว่ามหกรรมกีฬาซีเกมส์ เป็นไส้ในของเเผน “โร้ดทูโตเกียว” เพราะฉะนั้นเป้าหมายที่เเท้จริงในหลายๆสมาคม อยู่ที่โอลิมปิกเกมส์ 2020 เเต่อย่างไรก็ตาม ได้ชับกับทุกสมาคมกีฬาว่า เเม้จะเป็นกีฬาซีเกมส์ เเต่ก็ห้ามทิ้ง เมื่อได้รับการสนับสนุนส่งเข้าเเข่งขันเเล้ว ต้องจริงจัง ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เเละทำเหรียญในภาพรวมให้ได้มากที่สุด

สำหรับ ซีเกมส์ ครั้งที่ 30 เจ้าภาพฟิลิปปินส์ จัดชิงชัยรวมทั้งสิ้น 56 ชนิดกีฬา โดยนอกจากกลุ่มกีฬาสากล ที่บรรจุชิงชัยในโอลิมปิก เเละเอเชียนเกมส์ เเล้ว เจ้าภาพได้สอดไส้กีฬาพื้นบ้าน อย่าง อาร์นิส, ออบสตรักเคิล คอร์ส (วิ่งผ่านอุปสรรค), โววีนั่ม, เวกบอร์ด เเละ ฮอกกี้ใต้น้ำ เข้าไปด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน