แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ หวังมวยหญิงเป็นที่ยอมรับ มีเวทีให้พิสูจน์ฝีมือ – ด้วยวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ถือเป็น “วันสตรีสากล” หรือ “International Women’s Day” ซึ่งเป็นวันที่ทำให้เราได้ระลึกถึงความสำคัญของสตรี ทั้งในด้านสิทธิมนุษยชน การพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิง-ชาย

แม้ปัจจุบันทั่วโลกจะพยายามผลักดันให้หญิง-ชายมีสิทธิที่เท่าเทียมกัน แต่ในวงการ “มวยไทย” กลับยังมีภาพของความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นระหว่าง “มวยหญิง” และ “มวยชาย” ซึ่งกลายเป็นกำแพงขวางกั้นการเติบโตของวงการมวยหญิงอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ประเทศไทยน่าจะมีความได้เปรียบในการส่งเสริมให้มีจำนวนนักมวยหญิงมากกว่าที่เป็นอยู่ รวมถึงขีดความสามารถในการพัฒนาฝีมือให้เป็นที่ยอมรับและส่งเสริมการตลาดมวยหญิงให้เป็นที่สนใจมากกว่านี้

ในขณะที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมองข้ามความน่าสนใจของมวยหญิง กลับมีองค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลกอย่าง “วัน แชมเปี้ยนชิพ” เปิดเวทีให้นักสู้หญิงจากทั่วทุกมุมโลกได้แสดงฝีมือและพิสูจน์ตัวเอง

หนึ่งในนักชกหญิงไทยที่ก้าวขึ้นเวทีแห่งนี้และประสบความสำเร็จอย่างสูง ถึงขั้นพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการมวยหญิงชนิดที่ทั่วโลกต้องจับตามอง ต้องยกให้ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” นักสู้สาวชาวระยอง วัย 21 ปี ที่คว้าแชมป์โลก วัน ซูเปอร์ ซีรี่ส์ คิกบ็อกซิ่งและมวยไทยในเวลาไล่เลี่ยกัน และถือเป็นนักมวยหญิงคนแรกและคนเดียวของประเทศที่ได้ครอบครองเข็มขัดอันทรงเกียรตินี้

แสตมป์ เล่าให้ฟังว่า เธอเกือบต้องทิ้งความสามารถของตัวเองเพราะไม่มีเวทีให้เธอแสดงออก เมื่อมวยหญิงไม่ได้รับความสนใจ ผู้จัดจึงหันไปจัดการแข่งขันมวยชายซึ่งเป็นที่สนใจมากกว่า อีกทั้งอาชีพนักสู้ดูจะขัดแย้งกับความเป็นกุลสตรีไทยในสายตาของคนบางกลุ่ม จึงทำให้อาชีพนักมวยหญิงถูกมองข้ามและแทบไม่มีบทบาทอะไรในสังคม

“เมื่อก่อนตอนแสตมป์ชกมวยใหม่ๆ คนแถวบ้านชอบพูดกับพ่อแม่ว่าจะทรมานลูกทำไม ให้มันไปเรียนหนังสือดีกว่า ทรมานร่างกายเด็กเปล่าๆ แม้กระทั่งไฟต์ที่แสตมป์จะขึ้นชิงเข็มขัดเส้นแรกกับ ‘ไค่ ถิง ฉวง’ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีนักมวยหญิงไทยแพ้มาแล้ว เขาก็สบประมาทว่าแสตมป์คงสู้ไม่ได้หรอก แต่พอแสตมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแสตมป์ทำได้ พวกเขาถึงยอมรับ ยิ่งแสตมป์ได้เข็มขัดเส้นที่สอง ตอนนี้เขาก็หันมาชื่นชมว่าเก่งนะ ดีใจกับแสตมป์ด้วย พ่อแม่ก็ยิ้มหน้าบานเลย วัน แชมเปี้ยนชิพ จึงเป็นเวทีที่ให้โอกาสแสตมป์ได้แสดงศักยภาพของตัวเอง เพื่อลบคำสบประมาท และสร้างความภาคภูมิใจให้กับพ่อแม่ค่ะ”

ไม่ใช่เพียงโอกาสที่ก้าวเข้ามาหา แต่เป็นเพราะแสตมป์มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ดีพอกับโอกาสที่เธอได้รับ ด้วยความตั้งใจ ขยัน อดทน และหมั่นฝึกฝน ทำให้วันนี้ “แสตมป์” กลายเป็นนักมวยหญิงไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตามแสตมป์ยังมีความคาดหวังที่จะเห็นการปฏิรูปวงการมวยหญิงไทยในทิศทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่ายังมีผู้หญิงไทยอีกเป็นจำนวนมากที่มีศักยภาพทางด้านการต่อสู้ เพียงรอโอกาสและเวทีให้แสดงออกเท่านั้น

“ในอนาคตแสตมป์อยากเห็นวงการมวยหญิงไทยพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ อยากให้อาชีพนักมวยหญิงเป็นที่ยอมรับของแฟนมวยและบุคคลทั่วไป เพราะปัจจุบันผู้หญิงและผู้ชายก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน ผู้หญิงก็สามารถแสดงฝีมือของตัวเองบนเวทีการต่อสู้ได้เช่นเดียวกับผู้ชาย และอยากให้ผู้จัดการแข่งขันหันมาให้ความสนใจและผลักดันกีฬามวยหญิงเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้เปิดโอกาสให้เกิดนักมวยหญิงรุ่นใหม่ๆ ได้ก้าวขึ้นมาแสดงฝีมือและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เพราะไม่ว่าเราจะไปขึ้นชกที่ไหน เราก็คือคนไทยคนหนึ่ง ที่พร้อมจะประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า คนไทยก็ทำได้” นักชกสาวกล่าวปิดท้าย

ปัจจุบันแสตมป์มีเป้าหมายที่จะคว้าเข็มขัดเส้นที่สามในประเภท Mixed Martial Arts (MMA) มาครองให้ได้ ซึ่งเป็นการต่อยอดโดยนำทักษะทางด้านมวยไทยที่เธอมีอยู่แล้ว มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ซึ่งวงการ MMA นั้นถือเป็นตลาดใหญ่และมีอนาคตที่สดใสรอคอยเธออยู่ในอนาคต

แฟนๆ สามารถส่งกำลังใจให้กับนักสู้สาวไทย “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ได้ทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม Stamp Fairtex และติดตามผลงานของเธอบนสังเวียน “วัน แชมเปี้ยนชิพ” ได้ทาง www.onefc.com เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ONE Championship

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน