ช้างศึก ทีมชาติไทย ส่อเค้าพลาดการใช้งาน “มุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีมลงเล่นเกมที่ 100 ในนามทีมชาติเกมฟาดแข้งเวียดนามประเดิมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ด้าน ปาร์ค ฮัง ซอ กุนซือใหญ่ทัพดาวทองยอมรับคิงส์คัพ คือทัวร์นาเมนต์ที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ ลั่นไม่เคยพูดว่าไม่อยากร่วมโม่แข้ง
ช้างศึก ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เตรียมลงสนามปะทะทีม “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 รอบรองชนะเลิศ ที่ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 19.45 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 32
เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ได้มีการแถลงข่าวก่อนการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยไทยส่ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ กับ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กัปตันทีม ร่วมแถลง ส่วนทางฝั่งของเวียดนามส่ง ปาร์ค ฮัง ซอ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ กับ คู ง็อก ไฮ กัปตันทีมแถลง ก่อนที่ในช่วงเย็น ทัพช้างศึก จะได้ลงซ้อมที่ช้าง อารีนา เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเปิดศึกคิงส์คัพ
โค้ชโต่ย เปิดเผยว่า ตนได้มีการศึกษาและเตรียมแผนการสำหรับที่จะเจอกับทีมชาติเวียดนามเอาไว้แล้ว แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้แผนใดลงเล่น อย่างไรก็ตาม ก็คงจะต้องเช็คสภาพร่างกายของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเก่งจนนาทีสุดท้ายว่าจะสามารถลงสนามได้หรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้
“อย่างที่ตัวมุ้ยเคยบอกเอาไว้ว่า เขาไม่อยากให้การลงสนามนัดที่ 100 ในนามทีมชาติ มาเป็นประเด็นสำคัญในการแข่งขันคิงส์คัพครั้งนี้ เพราะอยากให้โฟกัสที่เรื่องของทีมชาติมากกว่า และตัวธีรศิลป์เองรู้ดีว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างไร อยากให้ใช้คนที่สมบูรณ์มากที่สุด”
ด้าน ปาร์ค ฮัง ซอ กล่าวว่า อันดับแรกขอแก้ข้อเข้าใจผิดที่ว่าเวียดนามไม่อยากมาเล่นคิงส์คัพ จริงๆ แล้วตนให้ความสำคัญกับรายการนี้มาก เพราะเป็นรายการที่มีประวัติศาสตร์ เชื่อว่าเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดมากกว่า การเจอกับไทยถือว่าเป็นทีมระดับท็อปของอาเซียน จะเป็นการวัดผล เก็บประสบการณ์อย่างจริงจัง
เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้ กล่าวว่า ตนรู้ดีว่าชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นนักเตะที่สำคัญ แต่เวียดนามจะเล่นตามสไตล์ตัวเอง ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด แม้ว่าคู่แข่งจะขาดผู้เล่นตัวหลักก็ตาม ส่วนคำที่บอกว่าไม่กลัวทีมชาติไทยนั้น เป็นการปลุกใจนักเตะ และพูดแบบนี้กับทุกทีมไม่ว่าจะเจอใคร ซึ่งขอยืนยันว่าไทยคือทีมที่แข็งแกร่งเสมอจะพยายามให้เต็มที่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม
สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมชาติไทย ที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง 3 คน อดิศร พรหมรักษ์, สุพรรณ ทองสงค์, พรรษา เหมวิบูลย์ วิงแบ๊กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน, วิงแบ๊กขวา ทริสตอง โด กองกลาง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์ตัวรุก สุมัญญา ปุริสาย กองหน้า ศุภชัย ใจเด็ด กับ อดิศักดิ์ ไกรษร
ขณะที่เวียดนาม นำทัพมาโดย ดัง วัน ลัม นายทวารจาก “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, เลอ ซวน เซือง กองกลาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เหวียน คง เฟือง สตาร์ประจำทีม
จากกรณีที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มอบหมายให้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดคิงส์คัพ โดยมี “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วย แต่ทว่าในเรื่องของศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มทำการแข่งขันในเดือนกันยายนนั้น ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากต้องรอให้ โค้ชโต่ย ผ่านการอบรมโค้ช ระดับโปรไลเซนส์ ในโมดูลที่ 2 เพื่อรอให้สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) อนุโลมให้โค้ชโต่ยสามารถรับงานคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่แบบเต็มตัวได้นั้น
ผู้สื่อข่าวสอบถาม ถึงแผนการทำทีมชาติต่อไปของโค้ชโต่ย โดยเฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีเริ่มวางแผนเอาไว้บ้างแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่ได้เตรียมการอะไรไว้มากมาย เพราะต้องการโฟกัสกับการทำทีมชาติไทยในศึกคิงส์คัพ ให้สมบูรณ์แบบที่สุดก่อน เนื่องจากว่าทัวร์นาเมนต์นี้ก็ถือว่าเป็นตัวชี้วัดด้วยเช่นกัน ว่าจะได้รับหน้าที่คุมทีมชาติต่อหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากจะเน้นที่รายการคิงส์คัพก่อน
ขณะเดียวกัน ถ้าศิริศักดิ์ ขึ้นรับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยจริง จำเป็นจะต้องหาคนเข้ามาทำงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้ฝึกสอนเพิ่มอีกคน เนื่องจากว่า โค้ชโชค นั้น ยังไม่ผ่านการอบรมถึงเอไลเซนส์ ซึ่งโค้ชโต่ย กล่าวว่า โชคทวีนั้นจะยังอยู่ในทีมงานของผู้ฝึกสอนต่อไป ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วย แต่จะมีนำโค้ชทีมชาติไทยระดับเอไลเซนส์ เข้ามาช่วยทำงานอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นรุ่นน้องอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ เป็นคนที่มีฝีมือด้วย
