ถึงแม้ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น จะเดินทางกลับถึงมาตุภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังคว้าแชมเปี้ยนโลกกลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยการเอาชนะ โรมัน กอนซาเลซ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมได้รับเงินอัดฉีดจากผู้สนับสนุนก้อนแรกจากโอสถสภา จำนวนถึง 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นบำเหน็จล้ำค่า เป็นจำนวนมหาศาลมากกว่าค่าตัวที่เขาได้รับเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้น “เจ้าแหลม” ยังจะได้อานิสงส์อีกมากมายตามมา เสมือนเป็นการชดเชยให้กับความอุตสาหะของตนที่สู้อดทนแลกกับความยากลำบาก ซ้ำยังต้องพบกับความผิดหวังมาเกือบตลอดทั้งชีวิต…


แต่มีใครสักกี่คนจะรู้ แล้วใครเล่าสักกี่คนจะเชื่อ ?? หากสื่ออเมริกันไม่ยื่นไมค์จ่อปาก ยิงคำถามผ่านล่าม ถึงชีวิตในอดีตของนักชกไทย ก่อนจะมาพิชิตยอดมวยเบอร์หนึ่งของโลกลงได้ที่ เมดิสัน สแควร์ การ์เด้นว่า

…”คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อต้องใช้ชีวิตจากเด็กเก็บขยะ จนกลับกลายมาเป็นแชมเปี้ยนโลก ณ วินาทีนี้..?!?!”

น่าเสียดาย ที่ลูกชายของ”เสี่ยฮุย”ผู้จัดการซึ่งเป็นล่ามยืนอยู่ข้างๆบนเวทีในตอนนั้น กลับไม่ยอมแปลคำถามให้ละเอียด เจ้าแหลมจึงไม่ได้ขยายที่มาของความเป็นจริงให้โลกได้รับรู้

ถึงวันนี้ ลองย้อนกลับไปในอดีต รื้อฟื้นเรื่องราวอันเป็นที่มาชีวิตของ “ยอดนักสู้ผู้อหังการ” ซึ่งคงไม่มีใครให้รายละเอียดได้มากเท่ากับ ผู้ที่ได้ใกล้ชิดคลุกคลีกันมานานถึง 13 ปีอย่าง ..”น้องเก๋” พัชรีวรรณ กัณหา สาวสวยเพียงหนึ่งเดียว ผู้เป็นเจ้าของหัวใจของชายที่ชื่อเดียวกับจังหวัดบ้านเกิดของเขา

“เก๋” สาวอุทุมพรพิสัยวัยใกล้สามสิบ เล่าว่า “เรารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วละค่ะ ตอนนั้นเก๋เรียนอยู่ ม. 4 พี่แหลม(ศรีสะเกษ) เขาอยู่ ม.5 เขาเป็นรุ่นพี่เราหนึ่งปี เหตุที่เรามาเจอกันก็เพราะโรงเรียนของเรานั้นอยู่ใกล้กันในอำเภอเดียวกัน ถามว่า..ใครไปจีบใครก่อน…อืมม์” (ยิ้มอายๆก่อนตอบ)

“ก็เก๋นี่แหละค่ะ !! เพื่อนของเก๋เป็นคนแนะนำ ตอนแรกก็คิดจะจีบเล่นๆ คือเดิมที มีคนมาชอบหนูเยอะตอนนั้น เพื่อนก็บอกว่าให้ลองไปจีบพี่เค้าเล่นๆดู ทีนี้พอติดขึ้นมา เขาก็เลยไม่ไปไหน เราก็เลยเป็นแฟนติดกันไปเลยตั้งแต่นั้น…”

“ยุคก่อนสมัยนั้น ยังไม่มีโทรศัพท์มือถืออะไรเหมือนอย่างทุกวันนี้ เราก็แค่คุยกัน พี่แหลมเขาเป็นคนดี เป็นคนใจเย็น พ่อแม่เราก็ไม่ได้กีดกัน ตลอดเวลาที่คบกันมา เขาไม่เคยให้เก๋ต้องลำบาก เขาจะทำเองทุกอย่าง ดูแลเรามาตั้งแต่เด็กครั้งอยู่บ้านนอกด้วยกันที่ศรีสะเกษ”

“จนเรียนจบเราตัดสินใจเข้ามาหางานทำในกรุงเทพด้วยกัน จำได้ขึ้นรถไฟครั้งแรกทำตั๋วหาย เราต้องคอยแอบหลบนายตรวจบนตู้โบกี้จนมาถึงกรุงเทพ ไปอยู่แถวบางนา เราเคยเดินหางานกันไปตามลำพังจากบางนาถึงสำโรง ไม่มีใครรับเราทำงานเลย มีตังค์เหลือแค่ 10 บาท ไม่พอสำหรับเราสองคนที่จะขึ้นรถเมล์กลับ พี่แหลมจะให้เก๋ขึ้นรถกลับไปก่อน แต่เก๋ไม่เอา เก๋ไม่ยอม บอกพี่เขาว่า เรามาด้วยกันก็ต้องเดินกลับด้วยกัน สุดท้ายวันนั้นเราเดินไปกลับเป็นระยะทางไกลตั้งร่วม 20 กิโลเหนื่อยมากวันนั้น แต่หนูยังจำได้ดี”

“จนวันหนึ่งพี่เขาไปสมัครงาน ได้เป็นยาม รปภ. ที่ห้างเซ็นทรัล บางนา เขาก็ยังต้องหารายได้เล็กๆน้อยๆมาเสริม เดินเก็บขวดเปล่าไปขาย เจออาหารกระป๋องใกล้หมดอายุที่เขาทิ้งก็เอามากินประทังชีวิต เรื่องมีตังค์เหลือ 5 บาท ซื้อมาม่าซองเดียวมาต้มกินกันนั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่พี่เขาไม่รู้หรอกว่า หนูอยากจะลองใจพี่เขาตอนนั้น จริงๆแล้วหนูมีเงินเหลือเพียงแค่ 200 บาทแต่แอบเก็บเอาไว้ แล้วบอกพี่เขา เรามีแค่นี้ พี่เขาไปซื้อบะหมี่มาต้ม แล้วให้เรากินเนื้อ ส่วนเขาก็ซดเอาแต่น้ำ..นี่เป็นเรื่องจริง !!”

สาวเจ้าของหัวใจแชมป์โลก ฟื้นความทรงจำอีกว่า “เรามาเช่าคอนโดอยู่แถวบางนา เดือนละสี่พันห้า งานบ้านอะไรต่างๆ พี่แหลมเป็นคนทำให้หมด เขาเป็นคนทำอาหารเอง ทำกับข้าวอร่อยด้วย ยิ่งส้มตำหรือยำมะม่วงนี่ พี่เค้าทำอร่อยแซ่บมาก จนไม่อยากจะเชื่อ พี่แหลมเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ไม่เคยโมโหไม่เคยทุบตีทำร้ายเรา ตลอด 13 ปีที่อยู่ใช้ชีวิตด้วยกันมา เวลาเราลำบากหรือมีปัญหา มีแต่เก๋ที่จะเป็นคนโมโหเหวี่ยงใส่เขาก่อน ..บางทีขึ้นมึง ขึ้นกูด้วยนะ แต่พี่เขาจะเป็นคนเตือนสติบอกเราว่า

เก๋พูดไม่เพราะเลย ทำไมพูดแบบนี้ เขาเป็นคนใจเย็นมาก แล้วเป็นคนที่รักสัตว์ ไม่ว่าจะหมา หรือแมว เขาเป็นคนจิตใจอ่อนไหว จับมาอุ้มจับมาหอมกอดได้หมด โดยไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลย”

ผู้เล่า หยุดนิ่งถอนหายใจ ก่อนขยายความต่อ “…แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาขึ้นไปชกมวยอยู่บนเวทีครั้งใด ดูเหมือนเขาจะจริงจังและทุ่มเทให้กับการชกอย่างสุดชีวิต เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ สมัยชกมวยไทยอยู่บ้านนอกแล้ว ถึงจะโดนคู่ชกตีศอกใส่จนหน้าตาแตกเลือดท่วมร่าง แกก็ยังจะกัดฟันสู้ต่อไม่ยอมถอย เดินบุกตะลุยจนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในที่สุด แล้วไม่ว่า ที่ไหน มีเปรียบมวย ตามงานวัด เวทีภูธร แกตระเวณไปต่อยหมด แพ้บ้างชนะบ้าง ถึงจะมีเงินเดิมพันแค่ห้าร้อยหรือหนึ่งพัน แกก็จะกัดฟันรับคำท้าสู้ตลอด ยอมลำบากเจ็บตัวแสนสาหัสแค่ไหนก็ไม่เคยถอย ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า พี่เขาต้องเผชิญเรื่องร้ายๆเหล่านั้นมาเยอะ”

“แม้มันอาจดูเหมือนเขาจะมีความสุข ที่ได้ปลดปล่อย เหมือนกับได้ระบายสิ่งเลวร้ายต่างๆในชีวิตเหล่านั้นออกไปบนเวทีก็ตาม แต่ก็หนูก็ยังอดเป็นห่วงพี่เขาอยู่เสมอ”

(ติดตาม ตอนต่อไป วันพรุ่งนี้) : บทความทีมงานกีฬา ข่าวสด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน