นิชิโนะ อากิระ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย จัดงานแถลงข่าวพร้อมเซ็นสัญญาคุมทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย อย่างเป็นทางการ ประกาศขอพาทีมชาติไทยลุ้นไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ด้าน “บิ๊กอ๊อด” สุดปลื้มได้กุนซือมากประสบการณ์ช่วยพัฒนาวงการลูกหนังแดนสยาม

นิชิโนะ อากิระ ผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นวัย 64 ปี พร้อมด้วย “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมแถลงข่าวการเซ็นสัญญารับงานคุมทัพ “ช้างศึก”ทีมชาติไทย อย่างเป็นทางการเมื่อ 19 ก.ค. ที่ประเทศญี่ปุ่น

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“บิ๊กอ๊อด” กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีที่จะประกาศว่านิชิโนะ ได้เซ็นสัญญาคุมทีมชาติไทย ทั้งทีมชุดใหญ่ และทีมเยาวชน 23 ปี อย่างเป็นทางการ สมาคมฟุตบอลไทยพร้อมให้การสนับสนุนนิชิโนะ อย่างเต็มที่ ผมเชื่อมั่นว่านิชิโนะ จะนำประสบการณ์ที่ผ่านการทำงานมาอย่างมากมาย มาช่วยพัฒนา ยกระดับ ฟุตบอลทีมชาติไทย ทั้งชุดใหญ่ และชุด 23 ปี เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จอย่างมากในการพาทีมชาติญี่ปุ่นเข้ารอบลึกในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายครั้งที่ผ่านมา”

“ที่ผ่านมาประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน และครั้งนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีด้านการกีฬาที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”

“ส่วนทีมชาติไทยที่มีทั้งฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รวมถึงฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้ายที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จะส่งต่อการทำทีมของโค้ชซึ่งต้องคุมทั้งสองทีมหรือไม่นั้น ผมมองว่าจากการที่นิชิโนะเคยผ่านประสบการณ์มามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคุมทีมไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เชื่อมั่นใจความสามารถของโค้ชไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรจะสามารถพาทีมผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้”

ด้านหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ทีมชาติไทย กล่าวว่า “ผมขอประกาศว่าผมได้ตอบรับคำเชิญจากทีมชาติไทยให้เข้ารับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และเยาวชน 23 ปี อย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวมาก่อนหน้านี้ว่ามีผมจะไปโค้ชทีมชาติไทย ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ไทยได้เสนอข้อเสนอนี้มาให้ ผมจึงได้คุยกับท่านนายกสมาคมและจากการพูดคุยทำให้เห็นว่าท่านนายกสมาคมฟุตบอลไทยมีความจริงใจในพาพัฒนาวงการฟุตบอลจึงตัดสินใจตอบรับ”

“สำหรับการทำทีมฟุตบอลในทวีปเอเชีย ถือว่าเป็นงานที่หนัก เพราะมีอุปสรรคมากมายในการพาทีมประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาผมเคยทำทีมชาติญี่ปุ่นและเจอช่วงที่หนักใจมากในการพาทีมไปร่วมแข่งขันโอลิมปิก”

“ที่ผ่านมาแม้ว่าผมจะเคยทำทีมในเจลีก รวมถึงคุมทีมชาติญี่ปุ่น แต่การรับงานทีมชาติไทย ผมทราบดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทีมชาติไทยยังต้องเล่นรอบคัดเลือกรายการใหญ่ๆ หลายนัด และเท่าที่ได้ดูนักเตะทีมชาติไทยอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ดังนั้นครั้งนี้จึงถือเป็นงานที่ท้ายสำหรับผม และหวังว่าจะพาทีมสู้กับชาติชั้นนำของทวีปรวมถึงทีมชาติญี่ปุ่นได้ในอนาคต”

“ความจริงแล้วหลังจากที่ตัดสินใจคุมทีมชาติไทยแล้ว ความจริงผมควรที่จะได้ทักทายกับแฟนบอลชาวไทยก่อน แต่ท่านนายกสมาคมฟุตบอลไทยให้โอกาสกับผมที่จะได้เคลียร์งานที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นก่อน จึงได้ตัดสินใจจัดงานแถลงข่าวและเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่น และผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนอีกครั้ง”

“จากนี้ผมต้องรีบทำความเข้าใจกับฟุตบอลไทยอย่างรวดเร็ว เพราะช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงฟุตบอลลีกยังแข่งขัน ผมเคยได้ดูฟุตบอลไทยลีกมาบ้างแล้ว จากนี้จะเดินทางไปดูเกมเพื่อศึกษาแนวทางการเล่น สไตล์ของนักเตะเพื่อเรียนรู้ให้มากขึ้น แน่นอนผมคงไม่ไปรบกวนแต่ละสโมสรในการเตรียมทีมชาติแม้ว่าจะมีเวลาไม่มากก่อนการแข่งขันระดับชาติจะเริ่มขึ้น แต่ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”

“อย่างที่ทราบว่าไทยมีสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่รออยู่นั่นคือฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย แต่ไทยยังมีโปรแกรมอื่นๆ อีก อาทิเช่นฟุตบอลซีเกมส์ รวมถึงฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ผมคงต้องศึกษา เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม ส่วนฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ว่าจะมีทีมในอาเซียนอยู่ร่วมสายถึง 3 ทีม โดยมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่ด้วย จากนี้จะต้องทำการบ้านถึงสไตล์การเล่น รวมถึงแบบแผนของคู่แข่งว่าจะวางแผนรับมืออย่างไร ส่วนเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นบ้างแต่ต้องขอเวลาศึกษานักเตะไทยให้มากกว่านี้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องการพาทีมชาติไทย ไปฟุตบอลโลกหรือไม่ โดยนิชิโนะ กล่าวว่า แน่นอนเป็นเรื่องธรรมดาของฟุตบอลโค้ชทุกคนย่อมต้องการพาทีมของตนประสบความสำเร็จ การเข้ามารับงานทีมชาติไทยเช่นเดียวกันต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและต้องการพาทีมชาติไทย ไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ให้ได้

“ที่ผ่านมาผมเคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาก่อน ได้เห็นการทำงานของโค้ชจากทั่วโลก เห็นวิธีการฝึกสอน การปลุกเร้านักเตะ การแก้เกม และที่สำคัญผมได้รับอิทธิพลจากแนวทางของโค้ชสเปน เรื่องเหล่านี้จะต้องนำไปปรับใช้กับนักเตะไทย ยกระดับความสามารถในสิ่งที่นักเตะยังขาด แต่ตอนนี้ผมต้องการเรียนรู้ให้มากที่สุดว่านักเตะไทยคนไหน เล่นสไตล์แบบใด จึงจะเริ่มการปรับปรุงได้ถูกต้องและดีที่สุด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน