เมธาสิทธิ์ สร้างผลงานโดดเด่นจนต่างชาติทึ่ง!! เป็นนักกีฬาจากเอเชียเพียงคนเดียวที่หาญกล้าปะทะนักแข่งชั้นนำระดับโลก ในศึกจักรยานเสือภูเขาชิงแชมป์โลก “ยูซีไอ เมาเท่นไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์” ประเภทดาวน์ฮิล ที่ประเทศแคนาดา ด้าน “วิภาวี” โชคไม่ดี ยางล้อหน้าแตกแข่งไม่จบ ชวดเก็บคะแนนสะสมไปอย่างน่าเสียดาย

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมฯ ได้ส่งนักกีฬาจักรยานเสือภูเขาทีมชาติ ไปแข่งขันรายการจักรยานเสือภูเขาชิงแชมป์โลก “ยูซีไอ เมาเท่นไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์” ที่ประเทศแคนาดา ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 2 ก.ย. ได้รับรายงานจาก สิบตำรวจโทหญิง กฤติกา ศิลาพัฒน์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนประเภทเสือภูเขา ถึงการแข่งขันประเภทดาวน์ฮิลล์ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อ 1 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับช่วงกลางคืนในประเทศไทย) ซึ่งมีนักกีฬาไทยลงชิงชัย 3 คน ได้แก่ รุ่นประชาชนชาย “ตั้ง” ชินพัฒน์ สุขจรรยา, รุ่นเยาวชนชาย “เบส” เมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์ และ รุ่นประชาชนหญิง “เพชร” วิภาวี ดีคาบาเลส

สิบตำรวจโทหญิง กฤติกา กล่าวว่า การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศนี้ นักกีฬาไทยทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะ เมธาสิทธิ์ ซึ่งเป็นนักปั่นจากทวีปเอเชียเพียงคนเดียวที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นมาก ตั้งแต่รอบคัดเลือกแล้ว ทำให้ในรอบชิงชนะเลิศ เมธาสิทธิ์ได้รับการปล่อยตัวจากจุดสตาร์ทเป็นคนที่ 5 และจบการแข่งขันในอันดับที่ 29 จากนักกีฬาทั้งหมด 50 คน โดยทำเวลาห่างจากคนที่ได้แชมป์ 20.999 วินาที ส่วนที่เหลือเป็นนักกีฬาจากทวีปยุโรป, อเมริกาใต้ และจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้คณะกรรมการจัดการแข่งขัน รวมทั้งผู้ชมในสนามต่างประหลาดใจอย่างมากว่า นักปั่นไทยผ่านรอบคัดเลือกมาสู้กับนักกีฬาชั้นนำระดับโลกได้อย่างไร หลายคนถึงกับอุทานว่า “นี่คนไทยหรือ” จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ยังกล่าวชื่นชมฝีมือของ เมธาสิทธิ์

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“ด้าน ชินพัฒน์ ก็ถือว่าทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน จบอันดับที่ 64 จากนักกีฬา 81 คน ได้คะแนนสะสมเพิ่มอีก 5 คะแนน ขณะที่ วิภาวี เป็นที่น่าเสียดายว่าเกิดยางล้อหน้าแตกระหว่างแข่งขัน ไม่เช่นก็น่าจะติด 1 ใน 20 อันดับแรก เพราะเวลาของนักปั่นคนอื่นก็ไล่ ๆ กัน ห่างกันไม่มากนัก มีนักแข่งที่ล้มระหว่างทางก็เยอะ หาก วิภาวี ยางไม่แตกเสียก่อน น่าจะมีคะแนนสะสมเพิ่มไม่น้อยกว่า 70 คะแนนแน่นอน สำหรับสนามแข่งขันแห่งนี้ นักกีฬาไทยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโหดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา และเป็นสนามที่มีเส้นทางยาวมาก คือ 2.9 กิโลเมตร นอกจากนี้อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคือ จากที่วันแรกมีฝนตกลงมาทำให้สนามโดนน้ำเซาะจนเป็นร่อง และมีหลุมค่อนข้างลึกหลายจุด กลายเป็นกับดักให้นักกีฬาล้มและยางแตกในที่สุด” ส.ต.ท.หญิง กฤติกา กล่าว

สำหรับทีมจักรยานเสือภูเขาทีมชาติไทย มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศแคนาดาวันที่ 2 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยสายการบินไทยร่วมกับแอร์ แคนาดา มายังประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน AC6129 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 3 ก.ย. เวลา 20.45 น.

นอกจากนี้ พลเอกเดชา ยังได้รับการรายงานจาก พันจ่าอากาศเอก นรุตม์ชัย ข้อหยุ่น ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนประเภทถนน ถึงการแข่งขันจักรยานทางไกลเยาวชนชาย รายการ “ทัวร์ เดอ ดีเอ็มซี 2019” ที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 ก.ย. เป็นการชิงชัยในสเตจที่ 4 จากเมืองยอนชอน ไปยังเมืองกิมโป ระยะทาง 102.8 กม. เส้นทางเป็นเนินเขาไม่สูงมากนัก สำหรับแชมป์สเตจนี้ตกเป็นของ เบาเยียร์ซาน ซาปารูลี นักปั่นเยาวชนทีมชาติคาซัคสถาน เวลา 2.10.07 ชั่วโมงส่วนผลงานของนักปั่นไทยปรากฏว่า วิริยะ ยะป๋า ได้ที่ 32, กิตติกร ธีรวัฒนสาร ได้ที่ 40, สุระนาท คงสุข ได้ที่ 44 เวลา 2.12.51 ชั่งโมง เท่ากัน ขณะที่ มลตรี ธีระทีป ได้ที่ 66 และ วิศวกร แก้วทอง ได้ที่ 70 วลา 2.12.59 ชั่วโมงเท่ากัน

พ.อ.อ.นรุตม์ชัย กล่าวอีกว่า ด้านผู้นำเวลารวม เปลี่ยนมือเป็น วีติ ไวนิโอ นักปั่นฟินแลนด์ จากทีม ฟิน ไซคลิง จูเนียร์ ทีม ด้วยเวลา 9.39.55 ชั่วโมง ขณะที่เวลารวมของนักปั่นไทยที่ดีที่สุดยังเป็น วิศวกร แก้วทอง อยู่อันดับที่ 25 เวลา 9.43.48 ชั่วโมง ตามหลังผู้นำ 3.53 นาที ขณะที่เวลารวมประเภททีม ทีมชาติไทยอยู่อันดับ 6 จากทั้งหมด 14 ทีม เวลารวม 29.12.08 ชั่วโมง ตามหลังทีมผู้นำ 10.35 นาที สำหรับสเตจที่ 5 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้าย แข่งขันวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) ในเมืองกังฮวา ระยะทาง 87 กม. เป็นทางราบสลับเนินลัดเลาะเหลี่ยมเขา.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน