อินทรีเหล็กยังคงแข็งแกร่ง แม้จะต้องเหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม ก็ยังบดชนะเอสโตเนียแบบขาดลอย ขณะที่รัสเซียกับโปแลนด์เป็นอีก 2 ทีมที่ตีตั๋วสู่รอบสุดท้ายยูโร 2020

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม กลุ่มซี เอสโตเนียเปิดสนามอา เลอ ค็อก อารีนา รับการมาเยือนของ “อินทรีเหล็ก”เยอรมนี

เกมนี้เจ้าถิ่นใช้ เราโน ซาปเปเนน, คอนสแตนติน วาสซิลเยฟ, มิห์เคย ไอน์ซาลู เป็นผู้เล่นตัวจริง ส่วนทีมเยือนจัด ลูกา วัลด์ชมิดต์, มาร์โก รอยส์, ไค ฮาเวิร์ตซ์ ลงสนาม

เริ่มเกมมาแค่ 14 นาที เยอรมนีต้องเหลือ 10 คน เอ็มเร ชาน ได้บอลจ่ายจากเพื่อนแล้วโชว์เก๋าปล่อยไหลเลยถูก แฟรงก์ ลิวัก โฉบมาแย่ง ชานจึงตัดสินใจสไลด์ตัวเสียบเพื่อสกัด ผู้ตัดสินเป่าเป็นการฟาวล์พร้อมแจกใบแดงไล่ชานออกทันที เนื่องจากมองว่าเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายก่อนถึงผู้รักษาประตูแล้ว

นาที 40 ทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะอันตราย มาร์โก รอยส์ ปั่นด้วยขวาโค้งข้ามกำแพงแล้ว แต่บอลก็ไปชนเสาเสียอีก จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาที 51 เยอรมนีเจาะตาข่ายสำเร็จจนได้ ไค ฮาเวิร์ตซ์ จ่ายบอลไปติดคู่แข่งแล้วบอลกระดอนมาเข้าทาง อิลคาย กุนโดกัน ตะบันจากนอกเขตโทษผ่านมือนายทวารเข้าไป “อินทรีเหล็ก” ออกนำก่อน 1-0

นาที 57 ทีมเยือนเคาะบอลจากเท้าสู่เท้าจนเข้ามาถึงพื้นที่เขตโทษเอสโตเนีย มาร์โก รอยส์ เก็บบอลได้แล้วตอกส้นให้ อิลคาย กุนโดกัน วิ่งมายิงไม่เหลือ สกอร์จึงห่างเป็น 2-0

นาที 71 อิลคาย กุนโดกัน เปิดจากครึ่งสนามลอยข้ามแนวรับให้ ติโม แวร์เนอร์ สปีดหลุดเดี่ยวเข้าไปเก็บได้ในเขตโทษ จากนั้นล็อกหลบกองหลังที่สไลด์ตัวเข้ามาเสียบ ก่อนยิงตุงตาข่ายอย่างยอดเยี่ยม จบเกมเยอรมนีจึงชนะไปอย่างขาดลอย 3-0

อีกคู่ในกลุ่มนี้ เบลารุส แพ้ เนเธอร์แลนด์ 1-2 ทีมเยือนได้จาก จอร์จินิโอ ไวนัลดุม นาที 32 และ 41 ส่วนเจ้าถิ่นได้จาก สตานิสลาฟ ดราฮุน นาที 54

สถานการณ์ของกลุ่มนี้ เนเธอร์แลนด์กับเยอรมนีเตะ 6 นัด เก็บไป 15 แต้มเท่ากัน แต่เนเธอร์แลนด์นำจ่าฝูงเนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่า อันดับ 3 ไอร์แลนด์เหนือ(6 นัด 12 แต้ม) อันดับ 4 เบลารุส(7 นัด 4 แต้ม) อันดับ 5 เอสโตเนีย(7 นัด 1 แต้ม)

ส่วนกลุ่มไอ ไซปรัสแพ้คารังต่อ “หมีขาว”รัสเซีย 0-5 ทีมเยือนได้จาก เดนิส เชรีเชฟ นาที 9 และ 90, มาโกเมด ออซโดเยฟ นาที 22, อาร์เตม ชูบา นาที 79, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน นาทที 89 โดยเจ้าถิ่นต้องเหลือ 10 คน คอนสแตนตินอส ไลฟิส ถูกไล่ออกนาที 27

คู่อื่นในกลุ่มนี้ คาซัคสถาน แพ้ เบลเยียม 0-2, สกอตแลนด์ ชนะ ซานมาริโน 6-0

ทำให้ผ่านไป 8 นัดทุกทีม เบลเยียมชนะรวดเก็บ 24 คะแนนเต็ม นำจ่าฝูง ตามด้วยอันดับ 2 รัสเซีย 21 แต้ม โดยทั้งคู่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้ว

ทีมอื่นที่เหลือ อันดับ 3 ไซปรัส(10 แต้ม) อันดับ 4 สกอตแลนด์(9 แต้ม) อันดับ 5 คาซัคสถาน(7 แต้ม) อันดับ 6 ซานมาริโน(0 แต้ม) สกอตแลนด์เป็นทีมเดียวซึ่งยังได้ไปเพลย์ออฟต่อ ที่เหลือตกรอบหมด

ด้านกลุ่มจี โปแลนด์เปิดบ้านชนะนอร์ทมาซิโดเนีย 2-0 เจ้าถิ่นได้จาก เพอร์เซมิสลาฟ ฟรานคอฟสกี นาที 74, อาร์คาดิอุส มิลิก นาที 80

ผลอีกคู่ สโลวีเนีย แพ้ ออสเตรีย 0-1

สถานการณ์กลุ่มนี้ โปแลนด์ลงสนาม 8 นัด เก็บเพิ่มเป็น 19 คะแนน นำจ่าฝูงเช่นเดิม และตีตั๋วสู่รอบสุดท้ายแล้ว อันดับ 2 ออสเตรีย(8 นัด 16 แต้ม) อันดับ 3 นอร์ทมาซิโดเนีย(8 นัด 11 แต้ม) อันดับ 4 สโลวีเนีย(8 นัด 11 แต้ม) อันดับ 5 อิสราเอล(7 นัด 8 แต้ม) อันดับ 6 ลัตเวีย(7 นัด 0 แต้ม)

ส่วนกลุ่มอี “มังกรแดง”เวลส์ เสมอกับรองแชมป์โลก 2018 “ตาหมากรุก”โครเอเชีย 1-1 ทีมเยือนนำก่อนจาก นิโคลา วลาซิช นาที 9 แต่เจ้าถิ่นตีเสมอจาก แกเร็ธ เบล นาที 45

ผลอีกคู่ ฮังการี ชนะ อาเซอร์ไบจาน 1-0

สถานการณ์กลุ่มนี้ โครเอเชียนำจ่าฝูง(7 นัด 14 แต้ม) อันดับ 2 ฮังการี(7 นัด 12 แต้ม) อันดับ 3 สโลวาเกีย(6 นัด 10 แต้ม) อันดับ 4 เวลส์(6 นัด 8 แต้ม) อันดับ 5 อาเซอร์ไบจาน(6 นัด 1 แต้ม)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน