กกท. แถลงข่าวเปิดตัวตราสัญลักษณ์ (โลโก้) เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจและสิทธิประโยชน์ของ กกท.อย่างเป็นทางการ – ก้องศักด เน้นสร้างนักกีฬาเลือดใหม่

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานงานแถลงข่าวเปิดตัวตราสัญลักษณ์ (โลโก้) เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจและสิทธิประโยชน์ของ กกท.อย่างเป็นทางการ พร้อมแถลงผลการดำเนินงานของผู้ว่าการ กกท. ประจำปี พ.ศ.2562 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนักกีฬาดังทีมชาติไทยเข้าร่วมด้วยนำโดย “หน่อง” ปลื้มจิตร์ ถินขาว (วอลเลย์บอล), “เช็ค” สุภโชค สารชาติ (ฟุตบอล), “น้ำตาล” วิลาสินี รัตนนัย (ไอซ์ฮอกกี้), “โอ๊ต” เรืองฤทธิ์ แหเกิด (ฟันดาบ), “เบนซ์” นพรัตน์ หิริพงศธร (แบดมินตัน) และ “โบว์” สุชาวดี กุญชวน (บาสเกตบอล)

กกท.

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า กกท.ได้ปรับปรุงโลโก้ใหม่ให้มีความทันสมัย และมีแนวคิดที่สร้างสรรค์มากขึ้น จึงได้จัดประกวดจนได้โลโก้ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั้งหมด 352 ชิ้น ซึ่งออกแบบโดย นายเกียรติศักดิ์ ช่วยสกุล ในชื่อผลงาน SAT POWER เป็นสัญลักษณ์ 3 ห่วงที่จะนำไปใช้จริงในการสนับสนุนกิจกรรมกีฬาต่างๆ ทั้งในประเทศ และระดับนานาชาติต่อไป

นอกจากนี้ ดร.ก้องศักด ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2562 กกท.ได้พัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศสู้ระดับนานาชาติ ต่อยอดสู่ระดับอาชีพ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศใน 2 ข้อหลัก คือ 1.ตามยุทธศาสตร์ กกท. ประกอบด้วย การพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศ เตรียมนักกีฬาแข่งขันมหกรรมทั้งในและต่างประเทศ, การบริหารจัดการกีฬาอาชีพ 13 ชนิดกีฬา 42 รายการ ที่สร้างมูลค่าเศรฐกิจถึง 20,000 ล้านบาท

การบริหารจัดการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกีฬา ยกระดับศูนย์ทั้งส่วนกลาง และภูมิภาค รวม 37 ศูนย์ รวมถึงยกระดับเป็น สถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย, การบริหารจัดการองค์กร และบริการทางการกีฬา, การส่งเสิรม และสนับสนุนอุตสาหกรรมการกีฬา ซึ่งมีเป้าหมายสร้างมูลค่าเศรษฐกิจไม่น้อยดว่า 25,700 ล้านบาท และการดำเนินการโครงการพิเศษ เพื่อยกระดับการพัฒนากีฬาของชาติ

“เราจะขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ในปีที่ผ่านมาไปอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นเรื่องการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วยการมีศูนย์ที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย และจะกระจายไปสู่ภูมิภาคให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างนักกีฬาระดับภูมิภาคยิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนกลางจะยกระดับเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬา และมีศูนย์กีฬาแห่งชาติ รวมทั้งส่งเสริมเรื่องอุตสาหกรรมกีฬา และสปอร์ตทัวริซึ่มตามนโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อนำกีฬาช่วยขับเคลื่อนสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้” ดร.ก้องศักด กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ว่าการ กกท.กล่าวถึงความพร้อมของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดทำศึกกีฬาซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ วันที่ 31 พฤศจิกายน-11 ธันวาคมนี้ว่า ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้บอกชัดว่า จะต้องเป็นเจ้าเหรียญทองให้ได้ในชนิดกีฬาสากล เพราะฉะนั้นเราจะทำให้ดีที่สุด เราต้องไม่แพ้ใคร แต่ในเหรียญรวมเราควบคุมไม่ได้ เพราะไม่ได้ส่งหลายชนิดกีฬา อย่างไรก็ตาม ก็จะดูความก้าวหน้า และสถิติผลงานของนักกีฬาให้ดีขึ้น รวมทั้งในซีเกมส์ก็จะเป็นเวทีวอร์มอัพไปสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในปีหน้าด้วย แต่ยอมรับว่าในโอลิมปิกครั้งนี้ ทัพไทยจะเหนื่อยกว่าที่ผ่านมา เพราะชนิดกีฬาความหวังอย่าง ยกน้ำหนัก ไม่สามารถเข้าร่วมชิงชัยได้ ดังนั้นเราจึงพยายามผลักดันกีฬาให้หลากหลายขึ้นให้มีความหวัง ทั้ง เทควันโด, แบดมินตัน, ยิงเป้าบิน และจักรยาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน