นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ยืนยันว่า จะมีการเรียกนักเตะเพิ่มเติม จากมหกรรมซีเกมส์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย โดยจะเรียกนักกีฬาเก็บตัวในวันที่ 26 ธ.ค. เพื่อเตรียมพร้อม

นิชิโนะ กล่าวว่า “แผนที่วางไว้เราอยากให้นักกีฬาได้พักฟื้นร่างกายอย่างน้อย 10 วัน และมารวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น เราจะดูสภาพร่างกายของทุกคนอีกครั้ง ตอนนี้หลายสโมสรเริ่มเก็บตัวสำหรับฤดูกาลหน้าแล้ว แต่บางสโมสรยังต้องประเมินรายบุคคลอีกครั้ง ตอนนี้อยากให้ทุกคนพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้สมบูรณ์ ซึ่งตอนนี้กำลังพิจารณาว่าจะเรียกนักกีฬามาทั้งหมดกี่คน”

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“สำหรับนักเตะที่จะเรียกมา น่าจะเพิ่มเติมจากชุดซีเกมส์ เพื่อขอดูตอนซ้อมว่าแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง และจะมีการตัดสินใจอีกครั้ง ถ้าตอบตรงเลยๆ คือเราน่าจะมีการเรียกในทุกตำแหน่ง ทั้งกองหลัง กองกลาง และกองหน้า ซึ่งเรามีจุดที่ต้องปรับปรุงมากมาย ในการเก็บตัวครั้งนี้ เราเลยต้องเรียกเพิ่มทุกตำแหน่ง”

“เราเองวางแผนศึกษาคู่ต่อสู้ไว้แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการวางแผนกับผู้ช่วยโค้ช เกี่ยวกับวิธีการตามดูคู่ต่อสู้แต่ละทีม ซึ่งหลักๆ คือ บาห์เรน คู่ต่อสู้ทีมแรก ส่วนทีมอื่นๆ เราค่อยมาดูในทัวร์นาเมนต์อีกครั้ง”

“ส่วนการจะมีผู้ช่วยโค้ชชาวญี่ปุ่นมาช่วยงานในอนาคตหรือไม่ ถ้าพูดตามตรง หากมีผู้ช่วยโค้ชชาวญี่ปุ่น เข้ามาการทำงานคงราบรื่น แต่เป้าหมายสำคัญการรับตำแหน่งนี้ คือการพัฒนาผู้ฝึกสอนชาวไทย ตอนนี้เรายังขอยึดรูปแบบเดิม คือการใช้ผู้ช่วยโค้ชชาวไทยทั้งหมด”

“ตอนที่ผมพาญี่ปุ่นไปเล่นโอลิมปิกได้ ช่วงนั้นญี่ปุ่นได้พัฒนาโครงสร้างฟุตบอลให้มีความมืออาชีพมากขึ้น และพยายามหาวิธี จนประสบความสำเร็จ และการคุมทีมครั้งนี้ ผมรู้สึกแบบนั้น”

“ความท้าทายในครั้งนั้นกับญี่ปุ่น และความท้าทายในครั้งนี้กับทีมชาติไทย ค่อนข้างคล้ายกัน เราเป็นเจ้าภาพ เชื่อว่าเสียงเชียร์จะเป็นแรงผลักดัน มากกว่าแรงกดดัน ในรอบคัดเลือก เราทำผลงานได้ไม่ดี เราเข้ารอบสุดท้ายในฐานะเจ้าภาพ ฉะนั้นตรงนี้ เรายังมีการบ้านที่ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่าง”

ขณะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางของทีม กล่าวว่า “ตอนนี้สภาพร่างกายผมดีขึ้นจากตอนซีเกมส์ เพราะหลังจบทัวร์นาเมนต์ เราได้กลับไปซ้อมกับสโมสร และเตรียมพร้อมที่จะเก็บตัวกับทีมชาติไทย ทุกทีมที่เราต้องเจอในรอบแบ่งกลุ่มต่างเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เราต้องพยายามเล่นตามแท็กติกที่โค้ชวางไว้ เป้าหมายเราอยากจะไปโอลิมกค นั่นแปลว่าเราต้องเข้ารอบลึกๆ ให้ได้”

ส่วน กฤษดา กาแมน กล่าวว่า “ที่ผ่านมาทางทีมให้เราพักหลังจากลงสนามมาอย่างต่อเรื่อง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเก็บตัวกับทีมชาติต่อไป ซึ่งเราพร้อมที่จะกลับมาซ้อมอย่างเต็มที่ ทุกทีมที่เราต้องเจอต่างเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าเรา แต่เราต้องพยายามเตรียมตัวให้ดี และเล่นให้ได้ตามแผนที่โค้ชวางไว้ ยิ่งเราได้เล่นในบ้าน ผมมั่นใจว่าเราสามารถสู้ได้”

ด้าน พีฬาวัช อรรคธรรม กองหลัง กล่าวว่า “ความพร้อมของเราพร้อมสมควร หลังจากได้พัก เราต้องพยายามปรับเรื่องการซ้อมให้ดีขึ้น ถ้าทีมเรียกเก็บตัว คิดว่าทุกคนน่าจะพร้อมและกลับมาด้วยสภาพร่างกายที่ดีขึ้น”

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (AFC U-23 Championship 2020 Thailand) จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 8-26 มกราคม 2563 โดยใช้สนามแข่งขันทั้งหมด 4 สนาม ประกอบไปด้วย ราชมังคลากีฬาสถาน, ธรรมศาสตร์ สเตเดียม, บุรีรัมย์ สเตเดียม และ ติณสูลานนท์ โดยทุกแมตช์การแข่งขัน จะมีการใช้เทคโนโลยีวีดิโอช่วยตัดสิน (วีเออาร์) มาใช้งานในทุกนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นรายการแรก ที่ใช้วีเออาร์ครบทุกแมตช์การแข่งขันในทวีปเอเชีย

ทั้งนี้ทีมชาติไทย อยู่กลุ่มเอ ร่วมกับ อิรัก, ออสเตรเลีย และ บาห์เรน โดยโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย มีดังนี้

ไทย พบ บาห์เรน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 8 ม.ค. เวลา 20.15 น.
ออสเตรเลีย พบ ไทย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 11 ม.ค. เวลา 20.15 น.
ไทย พบ อิรัก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 14 ม.ค. เวลา 20.15 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน