เผย ไฟต์ในอดีต 38 ปีก่อน ตำนานมวยไทย คู่สุดยอดตลอดกาล “พยัคฆ์หน้าหยก” สามารถ พยัคฆ์อรุณ ปะทะ “ขุนเข่าทะลุฟ้า” ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์

ในยุคเก่าก่อนย้อนไปในอดีตราวๆเกือบ 40 ปี ยุคทองของวงการมวยไทย ซึ่งยังไม่มีการถ่ายทอดสดออกทีวี หรือ ที่เรียกกันว่า “มวยจอตู้” จนเกร่อแบบในปัจจุบัน

คู่มวยอันล้ำค่า ซึ่งถือเป็น แมตช์ซูเปอร์ไฟต์ ในการพบกันของยอดมวยในอดีต คงได้ยินแต่เพียงเรื่องเล่าขาน หรือบอกกล่าวถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือให้เป็นที่เลื่องลือกันเท่านั้น อีกครั้งกระบวนการเก็บรักษาในบ้านเรา ก็ยังไม่มีคุณภาพ หรือผู้เห็นคุณค่าได้มากเท่าที่ควร

ล่าสุด ถือเป็นของขวัญล้ำค่า ต้นปี 2563 สำหรับคอมวย และผู้สนใจทั่วไป

ที่สำคัญ ต้องขอบคุณ ผู้ใช้ชื่อว่า “ครู โทนี่ มัวร์” ฝรั่งผู้นำคลิปเต็มๆไฟต์นี้มาเผยแพร่ และ ขออนุญาต เสริมเพิ่มเติมข้อมูล เพื่อบันทึกไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้จดจำ…..

ไฟต์นี้คือการพบกันของ ยอดมวยไทยตลอดกาล “เก่งใหญ่” ไร้เทียมทาน นั้นคือ “ขุนเข่าทะลุฟ้า” ดีเซลน้อย ช.ธนุกาญจน์ (ทางมุมแดง) และ “พยัคฆ์หน้าหยก” สามารถ พยัคฆ์อรุณ (มุมน้ำเงิน) เก่งเล็ก แชมเปี้ยน 4 รุ่นผู้หาญกล้าขึ้นมาทาบรัศมี

 

มวยคู่นี้ยากจะเกิดขึ้นได้ และต้องแคล้วคลาดกันมาตลอด ด้วยทั้งคู่ต่างเป็นยอดมวยภาคตะวันออก หลังเสร็จศึกไฟนี้ไปแล้ว ต่างเป็นเพื่อนซี้ วิ่งเล่นหยอกล้อไล่เตะตูด ดูดไอติม นั่งชิงช้าสวรรค์เล่นตามงานวัด เป็นเพื่อนรักกัน มาตลอด และต่างให้คำปฏิญาณ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะ

“ว่าเราทั้งคู่จะไม่กลับมาชกกันอีก” (ยกเว้น ชกโชว์ งานกุศล หลายครั้งในเวลาต่อมา)

…. ย้อนยุคไปในอดีต เมื่อ 38 ปีที่แล้ว ในยุทธจักรนักสู้ บนสังเวียนของมวยไทย (Muaythai)

ด้วยกระแสเรียกร้องของแฟนมวย และความที่ทั้งคู่ปราบคู่ต่อสู้มาหมดจนชนิดหาตัวจับยาก ท้ายที่สุด ด้วยบารมี เจ้าพ่อสวนมะลิ “เฮียแคล้ว ธนิกุล” ผู้มากอิทธิพลที่แม้แต่สื่อกีฬาทุกสำนักในยุคนั้นยังขนานนามว่า “เป็นพ่อพระ” (วงการมวย) โดดรับหน้าเสื่อเป็นโปรโมเตอร์ จัดให้ทั้งคู่ได้มาเจอกัน

สามารถ พยัคฆ์อรุณ ในวัย 20 ปี ปราบมวยดีทั้ง หนองคาย ส.ประภัสสร ,เผด็จศึก พิษณุราชันย์ (มวยถ้วยพระราชทาน) สร้างบารมี ขึ้นเป็นยอดมวยไทย

จน “บิ๊กซ้ง” ทรงชัย รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์เห็นว่า สุกงอมไร้คู่ต่อกร จึงทาบทามเจรจาให้ชกกับ “เจ้าต้อย” ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์ ยอดมวยไทยผู้ไร้เทียมทาน วัย 21 โดยตกลงจะให้ พยัคฆ์มาดทำน้ำหนักขึ้นมาที่ 128 ปอนด์ ขณะที่ ขุนเข่าร่างสูงปรี๊ด ลดลงไปได้เต็มที่ 130 ปอนด์

โปรโมเตอร์มือทองสมองเพชร ประกาศว่า “สามารถ หมดตัวจะชก หากผ่านไฟต์นี้ไปแล้ว ก็จะไปชกสากล ไต่เต้าสู่บัลลังก์โลกกันต่อไป เดิมกำหนดจะชกกันแล้ว 18 มิ.ย.24 และเลื่อนออกไปไม่กี่วันเป็น 22 มิ.ย.

ทว่าเมื่อเริ่มซ้อม เจ้าต้อยพอทำน้ำหนักเข้าจริงๆ ก็เกิดเป็นลมถึงจับไข้ “เฮียกวง”สมชาย ดวงประเสิร์ฐดี ลูกพี่ใหญ่จำต้องขอถอน ผัดผ่อนเลื่อนการชกไฟต์นี้ออกไป

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ตัวสามารถเองก็อยากจะชกกับดีเซลน้อยใจจะขาด ถึงขนาดออกข่าว “ถ้าน้าทรง ไม่กล้าสู้ค่าตัว เจ้าต้อย 4 แสนบาท พ้มยอมให้เอาค่าตัวผมอีกสามหมื่นไปโป๊ะให้ครบก็ยังได้ เพราะชั่วโมงนั้นใครๆก็อยากดู”

แต่ด้วยเหตุสุดวิสัย ดังที่ว่าปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว สามารถ จึงต้องกลับไปย้ำแค้นชนะคะแนน เผด็จศึก พิษณุราชันย์ ขาดลอยอีกครั้งที่ราชดำเนิน

แล้ว ประเดิมสวมรองเท้าชกสากลอาชีพ แบบเรียนลัด พบกับ อดีตแชมเปี้ยนโลก “เนตรน้อย ศ.วรสิงห์” ในกำหนด 10 ยกขัดตาทัพกันเสียเลย

เนตรน้อย หลังเสียแชมป์โลกที่เกาหลี กลับมาไต่เต้าชิงแชมป์โลกอีกครั้ง ผิดหวังพ่ายน็อก ฮิลาริโอ ซาปาต้า ไอ้ลูกทรพี ยก 10 ก็เรียกฟอร์มกลับมาเผาเครื่อง มันส์ ส.จิตรพัฒนา ยก 5 มวยสร้างของบิ๊กอึ่ง (ซึ่งต่อมา สด จิตรลดา ถูกนำมาสวมชื่อ จนกลายเป็นแชมป์โลก)

“เจ้าเตี้ย” เนตรน้อย ทำท่าจะดี ถูก โลเป ซาเรียล เฒ่าปิศาจพาไปชกที่ฟิลิปปินส์ หวังแย่งอันดับโลก แต่ก็แพ้แตก แอนดี้ บาลาบ้า ยก 4 จึงทำท่าหมดอนาคตกันนับแต่นั้น ทรงชัย จึงหวังจับมาเป็นบันไดสรรสร้างให้กับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ หลังจากยอดมวยไทย 4 พิกัดรุ่นสวมรองเท้าประเดิมชนะ เนตรน้อย

กระทั่ง วงการมวยก็มีการหารือกันถึงเรื่อง จัดการ “มวยโดยเสด็จพระราชกุศล” หลังจาก แคล้ว เคยจัดที่ เวทีราชดำเนิน มาแล้ว เมื่อต้นปี 2522 เมื่อว่างเว้นมานาน จนถึงคิว เวทีลุมพินีจะจัด แต่ก็ยังมีคำครหาว่า วิกทหารย่านบ่อนไก่ยุคนั้น สภาพไม่เหมาะสม ที่จะกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชวงศ์ชั้นสูงเสด็จไปทอดพระเนตร แต่หากจะจัดที่ ราชดำเนิน ก็ยินดีให้ ลุมพินีเป็นเจ้าภาพ !!

นั่นจึงเป็นที่มาให้ ศึกมวยไทยนัดยิ่งใหญ่ครั้งนั้น มีขึ้นในวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2525 ณ เวทีราชดำเนิน (จากเดิมปกติ มวยวันศุกร์ต้องชกที่ ลุมพินี)

ในที่สุด เฮียแคล้ว จึงเรียกประชุมทุกฝ่ายเพื่อจัดศึกครั้งนี้ บทสรุปคู่เอกต้องเป็น “สามารถ ปะทะ ดีเซลน้อย” การโคจรมาพบกันของสองยอดมวยเท่านั้น จึงควรค่าแก่ประการทั้งปวง โดยทั้งคู่ตกลงพบกันครึ่งทาง ชกกันในพิกัด 132 ปอนด์ และถือเป็น

“ตำนานของยอดมวยไทย แมตช์ซูเปอร์ไฟต์ อย่างแท้จริง!!”

บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ สนนราคาค่าตั๋ว 300-600 และ 1,200 บาท (ในยุคสมัย 38 ปีที่ผ่านมาครั้งนั้น ย่อมถือว่าสูงเอาการ) ทั้งยังสามารถ เก็บค่าผ่านประตูเป็นประวัติการณ์ได้ถึง 3,120,600 บาท แม้จะไม่มีเชื้อพระวงศ์องค์ใดเสด็จทอดพระเนครเลย คงมีแต่ พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์ มานั่งเป็นประธานก็ตามที

สำหรับผลการแข่งขันคู่สำคัญๆ ของรายการ มีบันทึกไว้ดังนี้

คู่ประกอบ ลั่นกรุง เกียรติเกรียงไกร ชนะคะแนน บุญนำ ศ.จารุณี คว้าแชมป์ฟลายเวต เวทีราชดำเนิน
สำราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์ น็อก จอมโว ศักดิ์นิรันดร์ ยก 2 , ฉมวกเพชร ชนะคะแนน พันมงคล ฮ.มหาชัย ขาด ,บางคล้าน้อย ส.ธนิกุล ชนะคะแนน มะเฟือง วีระพล ป้องกันแชมป์แบนตั้มเวทลุมพินี ,จ็อก เกียรตินิวัฒน์ ชนะคะแนน เผด็จศึก พิษณุราชันย์

มวยสากลพิเศษ 10 ยก เขาทราย แกแล็คซี่ น็อก มาเซียโน่ เซกิยาม่า (ญี่ปุ่น) ยก 4 และ โอกอง ซัน มวยดาวรุ่งเกาหลี เผาเครื่อง เพชรงาม ชูวัฒนะ มวยสร้างของไทยยก 4 หลังการชก คณะกรรมการคัดเลือกให้ บางคล้าน้อย และ เขาทรายได้รับถ้วยพระราชทานยอดเยี่ยม ไปครอง

สำหรับคู่เอก สามารถ พยัคฆ์อรุณ ก่อนชก ขึ้นมาเป็นรอง 3-1 หลังดูเชิงยกแรก ดีเซลน้อย ได้ใหญ่เป็นฝ่ายเดินเข้าหาตลอด ด้วยรูปร่างสูงยาวกว่าหลายช่วงตัวสาดอาวุธเข้าใส่ไม่ยั้ง ขณะที่ เก่งเล็ก พยัคฆ์มาด ใช้จังหวะถอยฉากตั้งรับสวนกลับด้วยหมัดและอัปเปอร์คัต

หมดยกสาม ราคาเจ้าต้อย เป็นต่อถึง 40 – 1 การชกยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม ครบห้ายก “สิงห์สำอาง” (ฉายายุคนั้น) แพ้ขาดลอย แต่คนดูไม่โห่ เพราะยอมรับสภาพว่าสู้กันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

หลังสิ้นสุดการชกไฟต์นี้ ทั้งคู่ต่างกลายเป็นเพื่อนซี้กันดังที่ว่า สามารถ ยอมรับเป็นผู้ปราชัยสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เชิดชูดีเซลน้อย คือหนึ่งเดียวในเชิงมวยไทย ที่ตนไม่สามารถเอาชนะได้ตลอดกาล ก่อนสามารถจะกลายเป็น แชมป์โลก WBC ในอีก 4 ปีต่อมา

ขณะที่ “ขุนเข่าเสาโทรเลข” ดีเซลน้อย ไร้คู่ต่อสู้ และจำต้องเลิกมวยไปโดยปริยาย พร้อมเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นนานนับสิบปี

ทั้งนี้ ทั้งนั้น นี่คือคลิปการต่อสู้ ที่บุคคลวงการมวย และผู้สนใจทั่วไปต่างโหยหา อยากได้ยลให้สมกับคำเล่าลือ ตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา จนมีผู้นำมาเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้

***
ผู้เผยแพร่คลิป : “Kru Tony Moore”
ข้อมูล บันทึก จาก อ.สว่าง สวางควัฒน์ อดีตปูชณียบุคคลวงการสื่อผู้ล่วงลับ

เรียบเรียงโดย นายสังเวียน หมัดตรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน