เมื่อวันที่ 5 ต.ค. “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย และสินทวีชัย หทัยรัตนกุล ผู้รักษาประตูจอมเก๋าของไทยเป็นตัวแทนทีมไทย แถลงข่าวความพร้อมศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 3 ระหว่าง“ช้างศึก”ทีมชาติไทย อันดับสุดท้ายของกลุ่ม กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) เจ้าภาพ ทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม ที่สนามโมฮัมเหม็ด บิน ซายิด กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เริ่มเตะเวลา 23.00 น. วันที่ 6 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย

 

“ซิโก้”เกียรติศักดิ์ กล่าวว่า 2 เกมแรกไทยยังไม่มีคะแนน จากเกมแรกออกไปแพ้ซาอุดีอาระเบีย 0-1 และนัด 2 แพ้ญี่ปุ่นคาบ้าน 0-2 ทำให้เกมนี้จำเป็นต้องเก็บแต้มให้ได้

 

“เราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเก็บแต้มให้ได้ เพราะ 2 นัดที่ผ่านมาแพ้รวด ดังนั้นในเกมกับยูเออี และอิรัก ต้องการคะแนนเพื่อต่อเวลาในการลุ้นเข้ารอบเกมต่อๆ ไป หลายคนคิดว่ากลุ่มนี้ ญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย เป็น 2 ทีมที่ดีที่สุด แต่ยูเออีแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นอีกหนึ่งทีมที่น่ากลัว เพราะสามารถบุกชนะญี่ปุ่น ได้ในเกมแรก 2-1 ส่วนนักเตะยูเออีที่เราต้องระวังเป็นพิเศษคือโอมาร์ อับดุลราห์มาน กับ อาเหม็ด คาลิล ซึ่งคงต้องหาคนตามประกบ แต่ภาพรวมยูเออีเป็นทีมที่เล่นด้วยแท็กติก และโค้ชของเขามีความเฉี่ยวชาญเรื่องแท็กติกการเล่น ฉะนั้นต้องไม่ประมาทคนใดคนหนึ่ง”

 

14568084_10202283435843789_5577947282972212248_n

สินทวีชัย (ภาพจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย)

ด้านสินทวีชัย กล่าวว่า “เกนนี้เป็นเกมที่หนักแน่นอน เราเห็นแล้วว่ายูเออีชนะญี่ปุ่นมาในเกมนอกบ้านด้วย ซึ่งไม่ใช่การเซอร์ไพรส์ด้วย อย่างที่โค้ชซิโก้บอกว่ายูเออีมีนักเตะที่มีความสามารถ ซึ่งเกมนี้คงเป็นเกมที่หนักของเรา”

 

 

“เกมในระดับนี้มันกดดันอยู่แล้วและการที่แพ้ 2 ครั้ง ซึ่งเราไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร เพราะก็อยากชนะ แต่มันทำให้เราทำงานหนักมากขึ้น หาข้อผิดพลาดและแก้ไข ส่วนการที่แฟนบอลจะมาดูเยอะเชื่อว่าจะทำให้เกมสนุก ที่สำคัญจะช่วยให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะโชว์การเล่นให้แฟนๆได้ดู”

 
จากนั้นช่วงเย็น นักเตะ “ช้างศึก” ลงฝึกซ้อมเป็นครั้งสุดท้าย ที่สนามแข่งขันจริง โดย“ซิโก้” ได้ทบทวนแท็กติกและเน้นการเข้าทำมากเป็นพิเศษ ซึ่ง“เมสซี่เจ”ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ก่อนหน้านี้ถูกจับอยู่ในทีมชุดสำรอง ขยับมาเล่นในทีมชุดตัวจริงอีกครั้ง ส่วนตัวหลักคนอื่นๆ ยังเป็นหน้าเดิมจาก 2 เกมแรก

 
ในนัดนี้ทีมไทยจะได้ สารัช อยู่เย็น กองกลางตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวจริงในทีม ส่วนแนวรุกมีทั้ง”เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, “มุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์

 

สำหรับ 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนามของทีมชาติไทย ในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ทริสตอง โด, ธีราทร บุญมาทัน, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, กรวิทย์ นามวิเศษ, สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, มงคล ทศไกร, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ “มุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา

 
ด้านมาห์ดี อาลี เฮดโค้ชยูเออี พาทีมลงเล่น 2 นัด เก็บได้ 3 คะแนน จากนัดแรกที่บุกชนะ ญี่ปุ่น 2-1 ส่วนนัด 2 เปิดบ้านแพ้ออสเตรเลีย 0-1 กล่าวว่า เกมนี้มีความสำคัญกับยูเออีอย่างมาก เพราะมีผลต่อการลุ้นเข้ารอบ ยอมรับว่าไทยเป็นทีมที่ดี

 

14581549_10202283435323776_5482172119085615176_n

มาห์ดี อาลี โค้ชทีมยูเออี(ภาพจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย)
“เรามีปัญหาเล็กน้อย เพราะมีนักเตะ 3-4 คน บาดเจ็บมาจากเกมลีก ขณะที่อาเหม็ด คาลิล กองหน้าที่ยิงคนเดียว 2 ประตู ในเกมชนะญี่ปุ่น 2-1 ไม่ได้ซ้อมมา 3-4 วันแล้วเพราะบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งต้องเช็กความฟิตอีกครั้ง ส่วนโอมาร์ อับดุลราห์มาน เพลเมกเกอร์วัย 25 ปี จะออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเราต้องการเก็บชัยชนะให้ได้ ซึ่งอยากให้แฟนบอลเข้ามาเต็มสนามเพื่อกดดันไทย”

 
สำหรับสถิติทั้ง 2 ทีมเคยพบกัน ในรายการที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) รับรอง ปรากฏว่าเจอกัน 7 ครั้ง ยูเออี ชนะ 5 ครั้ง, เสมอกัน 1 ครั้ง และไทยชนะแค่ครั้งเดียว คือเมื่อ 13 ต.ค. 2004 ซึ่งไทยเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ชนะ 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ขณะที่สถิติเจอกันครั้งล่าสุด คือวันที่ 3 ต.ค. 2007 ไทย เปิดสนามศุภชลาศัย เสมอ 1-1 ซึ่งเกมดังกล่าวเป็นแมตช์อำลาการเล่นทีมชาติของ “ซิโก้” กุนซือทีมชาติไทยคนปัจจุบัน

 

การแข่งขันนัดนี้สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ถ่ายทอดสด

 

 

ส่วนโปรแกรมอีก 2 คู่ในสายเดียวกัน ญี่ปุ่น พบ อิรัก และซาอุดีอาระเบีย พบ ออสเตรเลีย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน