จากกรณี “น้องอานัส” ทัพหลัง อยุธยาไฟท์ยิม นักมวยเด็กวัยเพียง 10 ขวบ ต้องการชกมวยเพื่อหาเงินช่วยเหลือตากับยายในวัยชราซึ่งป่วย และตนเองไม่สามารถขึ้นชกได้อีก หลังจากแพ้มา 3 ไฟต์รวด ทว่าล่าสุด “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ใหญ่เพชรยินดี พร้อมญาติและเพื่อนสนิทร่วมกันลงขันช่วยเหลือ ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของ นักชกหนูน้อยกตัญญูรายนี้
“เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์หนุ่ม เจ้าของศึกเพชรยินดี เผยที่มาเรื่องนี้ว่า เนื่องจากตนได้ข่าวว่า มีนักมวยเด็กอายุเพียง 10 ขวบ ร้องไห้เพราะอยากจะขึ้นชกในรายการมวยเวทีภูธร ต่างจังหวัดแถวพระนครศรีอยุธยา แต่ไม่มีโปรแกรมให้ชก เนื่องจาก ทัพหลัง อยุธยาไฟต์ยิม หรือ “น้องอานัส” นักชกน้อยรายนี้ เกิดมีอาการป่วย หลังขึ้นชกมาแล้วแต่แพ้รวดทั้ง 3 ไฟต์
“น้องอานัสเป็นมวยต่างจังหวัดในการดูแลของ สมรถ คำสิงห์ (พี่ชายสมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญโอลิมปิก) และ อำนาจ รื่นเริง อดีตแชมเปี้ยนโลกชาวไทย ช่วยสอนมวยอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นเลย ทราบข่าวว่า น้องอานัส ต้องการชกมวยเพื่อหาเงินไปช่วยเหลือครอบครัวซึ่งมีสภาพยากจน ที่สำคัญคือ คุณตานั้นป่วยเป็น อัมพฤษ อัมพาต ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และคุณยายก็มีปัญหาสายตาพร่ามัว เป็นเรื่องน่าเห็นใจ และที่สำคัญความกตัญญูของหนูน้อยที่อยากชกมวยหาเงินมารักษาตายาย แต่ขึ้นชกมวยไทยแพ้รวด 3 ไฟต์จึงยากแก่การหาคู่ชก เมื่อผมทราบเรื่องนี้ จึงติดต่อให้คนพามาโชว์ทักษะฝีมือที่ค่าย เพชรยินดี อะคาเดมี่ และสอบถามถึงความตั้งใจจริงของเด็ก”
“เห็นลีลาการซ้อมมวยไทยแล้ว บอกได้เลยว่า น้องอานัส เป็นมวยที่เก่งและใช้ได้เลย สาเหตุที่แพ้ทั้งสามไฟต์แรกก็เพราะเขาถูกประกบให้ชกกับมวยที่มีกระดูก ประสบการณ์โชกโชนกว่า ผ่านการชกมวยมาเยอะกว่า คู่ต่อสู้บางคนชกมาแล้ว 20-30 ไฟต์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรสำหรับความพ่ายแพ้ของน้องอานัส และวัตถุประสงค์เจตนาของผม ก็ไม่ใช่ต้องการจะดึงน้องเขามาอยู่ในสังกัดอะไร เพราะเขามีค่ายมวย มีหัวหน้าคณะอยู่แล้วที่อยุธยา แต่ผมเห็นความตั้งใจของเด็กจึงปรึกษากับ แบงค์ (จีระชัย วชิรรัตนวงศ์) และเพื่อนสนิทช่วยกันลงขัน รวบรวมเงินเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือน้องอานัส และเป็นค่ารักษาให้กับตายายของน้องเขา ซึ่งอนาคตผมไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงแต่อยากให้เขามีความสุขกับการชกมวยเป็นอย่างแรก การหาเงินช่วยตายาย เป็นความกตัญญูของเด็กที่พวกเราอยากช่วยเหลือเท่านั้น” เสี่ยโบ๊ท กล่าว
เบื้องต้น ได้มีการนำเงินสบทบทุนช่วยเหลือ ไปมอบให้กับครอบครัวของนักมวยเด็กถึงบ้านในจังหวัดอยุธยา โปรโมเตอร์ใหญ่เพชรยินดี กล่าว ผ่านโลกโซเชียลอีกว่า ” ผมแค่รู้สึกว่าใครก็ตามที่อยู่ในสังคมมวย มันคือหน้าที่ๆเราทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใครมีมากก็ช่วยมาก ใครมีน้อยก็ช่วยน้อย แต่ถ้าทุกคนมีน้ำใจต่อกันสังคมมันก็จะน่าอยู่ วันนี้ผมดีใจที่ค่ายอโยธยาไฟท์ยิมรับน้องไปดูแล อนาคตจะเป็นยังไงไม่มีใครรู้ แต่อย่างน้อยๆน้องได้อยู่ในสังคมที่ดีผมเองก็สบายใจ เงินที่มอบให้ไม่ใช่เงินของผมคนเดียว พรรคพวกเพื่อนฝูงรวบรวมกันมาเพื่ออยากจะให้เงินก้อนนี้เป็นทุนชีวิต เป็นรางวัลของความกตัญญู ให้น้องได้รู้ว่าสิ่งที่น้องกตัญญูต่อตายายและบุพการีคือสิ่งที่ดีและต้องทำต่อไป
วันนี้ดูเชิงการชกมวยแล้ว อนาคตไปไกลแน่นอน เตะขวาแรงมาก อย่างน้อยๆไฟท์หน้าต้องชนะครับ!!!”
เบื้องต้นจากเฟซบุ๊กของ Mammoth Nutt เผยว่า
“เด็กชายอานัส ทัพหลัง อโยธยาไฟท์ยิม เป็นเด็ก ชั้น ป. 5 อาศัยอยู่ในสลัมหลังวัดภูเขาทอง จ.พระนครศรีอยุธยา บ้านหลังเล็กๆอาศัยกันอยู่ 6 คน หลังคารั่วพื้นผุกร่อน คุณตาเป็นอัมพาต คุณยายเป็นหลักหาเลี้ยงครอบครัว ทัพหลังไม่รู้จักพ่อ แม่มีพ่อใหม่ทิ้งเขากับพี่ๆไว้ให้ตายายเลี้ยง สองเดือนก่อนทัพหลังเดินมาที่ยิม ขอเรียนมวยชกมวยเพราะอยากได้เงิน ถึงตอนนี้ สถิติชก 3 ครั้ง แพ้น็อก 3 ครั้ง ไม่เคยแพ้คะแนน ชกแต่ละครั้งได้เงินค่าตอบแทน 500-1000 บาท ทัพหลังจะเอาไปอวดคุณตาที่นอนติดเตียง
คุณตาน้ำตาซึมทุกครั้ง เพราะคุณตาเป็นนักมวยเก่า ชกมา 400 กว่าครั้ง เลือดนักสู้แบบคุณตายังข้นอยู่ แล้วเงินจากน้ำพักน้ำแรงนั้นก็ถูกส่งต่อให้คุณยาย เพื่อเป็นค่าข้าว ค่าอาหาร เลี้ยงคนในครอบครัว ทัพหลังไม่ค่อยมีเงินไปโรงเรียน ข้าวที่หุงอาศัยไปขอข้าวสารจากวัด ที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาถวายพระ กับข้าวมีมาม่ากับไข่เจียวเป็นหลัก นอกเหนือจากนั้นนานๆทีเพราะแพงไป วันนี้ทัพหลังนั่งน้ำตาซึม ผมเข้าไปถามว่าทำไม เขาร้องไห้เพราะพลาดโอกาสที่จะได้ขึ้นชก เย็นนี้เขามีรายการชก เงิน 1,000 บาทกำลังจะมาถึงมือเขา หลังเขาชกเสร็จ แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะเอาไปอวดคุณตา ส่งมอบต่อให้คุณยาย และสุดท้ายเป็นอาหารในท้องของทุกคนในครอบครัว แต่ทัพหลังเป็นไข้ กินยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น พลาดการขึ้นชกอย่างน่าเสียดายยิ่ง…”
สำหรับ รายชื่อผู้สมทบทุน
– ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 20,000บาท (เพื่อนลงขัน)
– “แบ๊งค์” จีระชัย วชิรรัตนวงศ์ 20,000บาท ญาติ
ขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ช่วยดำเนินการเรื่องเงินของผมที่มอบให้น้องอานัส
อย่างที่ผมได้ตั้งใจไว้ตามวัตถุประสงค์
ผมได้ทำให้ครอบครัวน้องอานัสยิ้มได้มีความสุขมากขึ้นผมก็ดีใจละครับ
รายละเอียดเงิน 30,000 บาท
โบ๊ท สั่งให้ลูกน้องเป็นคนมอบเงินให้ดังนี้
1. เงิน 10,000 บาท นำไปใช้หนี้ให้แม่
2. เงิน 10,000 บาทให้แม่ไปลงทุนค้าขายซื้อรถเข็นขายส้มตำกับไก่ย่าง
3. เงิน 10,000 บาท ให้ตากับยายเอาไว้ไปรักษา
3.1 ให้ตากับยายติดตัวไว้คนละ 1,000 บาท
3.2 ให้นัส 1,000 บาทเพื่อใช้ซื้อของส่วนตัวที่น้องอยากจะได้
( เงินที่ใช้รักษาตากับยาย คงเหลือที่เรา 7,000 บาท หากต้องการใช้ในการรักษาให้มาเบิกที่เราเมื่อต้องการใช้ในการรักษา)
ยอดสรุปเงินที่อยู่กับเรา รวม 37,000 บาท
