ตามคืบหน้าทีมชาติไทย หลังจากที่มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเซอร์เบีย ประกาศรายชื่อ 35 นักเตะเพื่อเข้าแคมป์เก็บตัวก่อนตัดเหลือ 23 คนสุดท้ายในการลงสนามอุ่นเครื่องด้วยการออกไปเยือนอุซเบกิสถาน วันที่ 6 มิ.ย. และกลับมาลงสนามในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 13 มิ.ย. พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยใน 35 คนมีชื่อของ “ลีซอ”ธีรเทพ วิโนทัย ดาวยิงวัย 32 ปีกลับมาติดทีมอีกครั้งในรอบ 3 ปี

ทั้งนี้หลังทราบการประกาศรายชื่อมีกระแสในสังคมออนไลน์อย่างมากทั้งยินดีและไม่เห็นด้วยกับการมีชื่อของธีรเทพ ติดทีมชาติไทยในครั้งนี้

ล่าสุด “ลีซอ” ออกมายอมรับว่าดีใจที่ตนได้กลับเข้าแคมป์ทีมชาติอีกครั้ง เนื่องจากเป็นความฝันของนักเตะทุกคนอยู่แล้วที่จะได้มีโอกาสรับใช้ทีมชาติ

“ผมมองว่าโค้ชไทยและโค้ชต่างชาติมีความแตกต่างกัน หรือไม่แต่โค้ชไทยด้วยกันเองยังมีความคิดและระบบการทำงานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเลือกนักเตะแบบไหนที่เข้ากับระบบการเล่นของตัวเอง”

“ถามว่าตื่นเต้นไหมที่กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ผมว่าเป็นความดีใจมากกว่า ส่วนเรื่องตื่นเต้นไหมคงไม่ ผมดีใจที่ได้กลับมายังจุดนี้ เพราะที่ผ่านมาผมพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดให้กับสโมสร ซึ่งนักเตะก็เหมือนกับลูกจ้างที่ต้องทุ่มเทให้กับบริษัทผมทำอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทน และมีความหวังเสมอในการที่จะกลับมาสู่ทีมชาติ แต่การทุ่มเทของผมไม่ใช่การทุ่มเทเพื่อให้ได้กลับมาเล่นทีมชาติ ผมทำหน้าที่ของผมเพื่อให้สโมสรและทุกคนได้รับรู้ว่าผมเต็มที่เท่านั้น”

กองหน้าวัยเก๋ากล่าวอีกว่าตนไม่มีความรู้จักเป็นการส่วนตัวกับมิโลวาน ราเยวัช มาก่อน ดังนั้นช่วงเก็บตัวจะเป็นเวลาที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งไม่ได้คาดหวังว่าจะผ่านการตัดตัวเพื่อกลับไปลงเล่นในนามทีมชาติอีกครั้ง

“อย่างที่ผมบอกว่าโค้ชแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่โค้ชต่างชาติต่างไปจากโค้ชไทยหลายคนนั่นคืองานคืองาน ทุกคนสามารถสนุกสนานหยอกล้อกันได้ทั้งในระหว่างซ้อมหรือช่วงพัก แต่ต้องแสดงความมุ่งมั่นออกมาอย่างเต็มที่ ผมว่าโค้ชทุกคนมองออกว่าใครทำอย่างเต็มที่ในการซ้อมแม้จะมีการหยอกล้อกันบ้าง และมองออกมาว่าใครตั้งใจมากน้อยเพียงใดในการเข้าแคมป์ครั้งนี้ โดยส่วนตัวผมบอกแล้วว่าไม่คาดหวังจะว่าจะผ่านการคัดตัว แต่ผมยังยืนยันเหมือนเดิมคือผมจะทำอย่างเต็มที่สุดความสามารถส่วนจะชนะใจหรือสร้างความพอใจให้กับโค้ชหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถกำหนดได้”

นอกจากนี้ดาวเตะรูปหล่อยังกล่าวถึงกระแสสังคมออนไลน์ที่บางกลุ่มมองว่าที่ผ่านมาตนมักมีปัญหาในสนาม ที่มักดูเป็นคนก้าวร้าว และโดนผู้ตัดสินลงโทษหลายครั้งเช่นการโดนใบแดงไล่ออกจนทำให้ทีมเสียหาย ว่าตนเองไม่ใช่นักเตะเกเรสิ่งที่เกิดขึ้นไม่การตั้งใจจะทำให้เกิดผลเสียกับทีม หากแต่เป็นการทุ่มเทเพื่อทีมเพียงแต่ผลที่ออกมาเป็นไปในเชิงลบมากกว่าเท่านั้น

“ในสนามผมเชื่อว่ามีแค่คำว่าทุ่มเท กับไม่ทุ่มเท ที่ผ่านมาผมไม่เคยเกเรท้าต่อยท้าตีกับคู่แข่งในสนาม อาจมีคำพูดเหน็บแนม ถากทางบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาในเกมฟุตบอล และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความทุ่มเทให้ทีมเท่านั้น แน่นอนว่าปัจจุบันนี้ด้วยอายุที่มากขึ้นประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมเบาลงไปในเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ในเกม แต่ไม่ได้หมายความว่าความทุ่มเทในเกมของผมจะลดลง การที่จะให้ผมเปลี่ยนแนวการเล่นมาเป็นแบบพินอบพิเทา ยกมือไหว้ไปตลอดเกมนั่่นคงเป็นไปไม่ได้ ผมยังเล่นแบบเดิมที่เล่นมา และผมอยากจะบอกว่าการเล่นทุ่มเทกับการเล่นเกเรที่ได้เตะไล่หวดคู่แข่งนั้นแตกต่างกัน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน