การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเฟรนด์ส อารีน่า เมืองโซลน่า ใกล้กับกรุงสตอกโฮล์มส์ ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 24 พ.ค. อาแจ็กซ์ จากเนเธอร์แลนด์ พบกับ “ผีแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ

เกมนี้อาแจ็กซ์ส่ง คาสเปอร์ ดอลเบิร์ก, อามิน ยูเนส, แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่ ลงประสานงานในเกมรุกเช่นเดิม ส่วนแมนฯยูไนเต็ดมี มาร์คัส แรชฟอร์ด, เฮนริก มคิตาร์ยัน, ปอล ป็อลบา เป็นตัวจริง

ครึ่งแรกนาที 18 เป็นฝั่งกองเชียร์เมืองผู้ดีได้เฮก่อน มารูยาน เฟลไลนี่ จ่ายบอลให้ ปอล ป็อกบา แต่งเข้าซ้ายแล้วยิงจากนอกเขตโทษ บอลแฉลบขากองหลังแล้วย้อยเข้าประตูไป โดยผู้รักษาประตูหลงทางไปแล้วจึงกลับมาเซฟไม่ทัน “ผีแดง” ผงาดนำ 1-0

นาที 24 อันโตนิโอ วาเลนเซีย กระชากเข้าไปยิงในเขตโทษแบบเต็มเหนี่ยว แต่นายทวารอาแจ็กซ์ยังทุบออกมาได้ จบครึ่งแรกแมนฯยูไนเต็ดนำ 1-0

ครึ่งหลังนาที 48 จากลูกเตะมุมเปิดเข้ากลาง คริส สมอลลิ่ง โขกชงให้ เฮนริก มคิตาร์ตัน ตรงบริเวณกรอบ 6 หลา ซึ่งมคิตาร์ยันยอดเยี่ยมพอจะตวัดขาดีดตามน้ำเข้าไปได้ แมนฯยูไนเต็ดจึงทิ้งห่าง 2-0

นาที 86 “ผีแดง” น่าได้ประตูเพิ่มอย่างยิ่ง เจสซี่ ลินการ์ด สบโอกาสกระชากหลุดเดี่ยวไปจากครึ่งสนาม แต่มัวเลี้ยงเพลินจนถูกผู้เล่นอาแจ็กซ์ตามมาแซะทันในเขตโทษ สุดท้ายบอลเข้ามือนายทวารแบบไม่ได้อะไร

นาที 90 แมนฯยูไนเต็ดถอด ฆวน มาต้า ออกจากสนาม แล้วส่ง เวย์น รูนีย์ ลงมาแทน พร้อมกับที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ถอดปลอกแขนกัปตันทีมส่งให้เจ้าของตำแหน่งที่แท้จริงอย่างรูนีย์สวมต่อด้วย

จากนั้นไม่มีประตูเพิ่มอีก จบเกม “ผีแดง” ชนะไป 2-0 คว้าแชมป์รายการนี้สมัยแรก พร้อมกลายเป็นสโมสรที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ซึ่งได้แชมป์หลักของยุโรปครบทั้ง 3 รายการ ได้แก่ ยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่า คัพ/ยูฟ่า ยูโรปา ลีก และคัพ วินเนอร์ส คัพ

โดยก่อนหน้านี้ทีมที่ทำได้มีเพียงยูเวนตุส จากอิตาลี, อาแจ็กซ์, บาเยิร์น มิวนิค จากเยอรมนี และเชลซี จากอังกฤษ

นอกจากนี้ แมนฯยูไนเต็ดยังคว้าสิทธิ์ไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า เป็นทีมที่ 5 ของอังกฤษต่อจากเชลซี, สเปอร์ส, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูล โดยกรณี “ผีแดง” จะได้เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน