-
“สงคราม-โควิด-19” 2 อุปสรรค 2 ช่วงเวลาที่พราก โอลิมปิก จากญี่ปุ่น
ในประวัติศาสตร์โอลิมปิก มีการเลื่อนการแข่งขันมาแล้วหลายหน ทั้งโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน และ ฤดูหนาว แต่ประเทศที่อยู่ในภาวะเช่นนี้มากที่สุดคือ ญี่ปุ่น ซึ่งแม้จะไม่ได้ยกเลิก แต่หากนับหนนี้ด้วยพวกเขาก็เผชิญกับสถานการณ์นี้เป็นครั้งที่ 3 เข้าไปแล้ว
2 ครั้งแรกนั้นคงจะพูดไม่ได้เต็มปากนักว่าเป็นความโชคร้าย เนื่องจากในปี 1936 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล มีมติ เลือกกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ โอลิมปิกเกมส์ ในปี 1940 ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมจะประกาศศักดาในฐานะมหาอำนาจจักรวรรดินิยม และเป็นปีครบรอบ 2,600 ปีแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น นับตั้งแต่ จักรพรรดิจิมมู
และในปีเดียวกัน พวกเขายังได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ โอลิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว ที่ซัปโปโร เป็นชาติแรกของโลกที่มีการจัดสองโอลิมปิกในปีเดียวกัน(พ่วงด้วยเจ้าภาพ เวิลด์ แฟร์ หรือ เวิลด์ เอ็กซ์โป ในปัจจุบันอีกงาน)
ดินแดนอาทิตย์อุทัยฉลองใหญ่ และเตรียมนำไฟโอลิมปิกจากเถือกเขาโอลิมเปียอันศักดิ์สิทธิ์ในเอเธนส์ ขึ้นเครื่องบินรบ มิตซูบิชิ เคไอ-15 หรือ คามิคาเซ่ กลับมาญี่ปุ่น และเริ่มต้นการวิ่งคบเพลิงที่ ภูเขาเฮียวงะ ในคิวชู
แต่สุดท้ายทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ
เพราะในปีถัดมา 1937 สงครามที่ยืดเยื้อระหว่าง ญี่ปุ่น ที่กำลังเข้ารุกรานจีน ในเหตุการณ์มุกเดนนั้น ญี่ปุ่นใช้งบประมาณทางการสงครามเพื่อหมายยึดครอง แมนจูเรีย ทางเหนือของ จีน ผลาญเงินที่ควรนำมาใช้ในการกีฬาไปหมดสิ้นจนมีคำกล่าวว่าหากจะดื้อดึงจัดการแข่งขัน สนามจะต้องสร้างด้วยไม้ เพราะเหล็กถูกใช้ในสงครามหมดแล้ว สภาไดเอตตั้งคำถามว่า จะสู้กับโอลิมปิกต่ออย่างไรในภาวะสงครามนี้
สุดท้าย ญี่ปุ่นก็ตัดสินใจถอนตัว ในเดือน ก.ค. 1938 และโยกการแข่งขันไปที่เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์แทน
เครื่องบินคามิคาเซ่ กลับกลายเป็นเครื่องบินที่มีชื่อเสียงในสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเหตุการณ์อ่าว เพิร์ล ฮาเบอร์แทน และโอลิมปิก 1940 ก็ไม่เกิดขึ้นเพราะสงครามโลกครั้งนั้น แถมยังจบสงครามด้วยความพ่ายแพ้
ญี่ปุ่นใช้เวลาฟื้นฟูประเทศ 24 ปี และ “โตเกียว 1964” เอาชนะ ดีทรอยต์ ของสหรัฐอย่างท่วมท้น และโอลิมปิกหนนี้ได้เปลี่ยน ญี่ปุ่นไปตลอดกาล ด้วยการลงทุนมหาศาลในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬามาตรฐาน 30 สนาม ที่ยังคงอยู่และทำให้ญี่ปุ่นไม่ต้องสร้างสนามเพิ่มมากนักในอีก 56 ปีให้หลัง, สาธารณูปโภคพื้นฐาน และ ระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมได้รับการยอมรับว่าสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถไฟชินคันเซน สนามบินฮาเนดะ , พฤติกรรมของประชากร ที่ปรับเปลี่ยนไปจนเป็นชาติที่มีวินัยที่สุด, เทคโนโลยีการจับเวลาอย่าง ไซโก ถูกเปิดตัวต่อโลกในโอลิมปิกนี้ การถ่ายทอดสดด้วยภาพสีครั้งแรก และแน่นอนว่า เนรมิต โตเกียว ที่ไร้ระเบียบในเวลาด้วยโรงงานอุตสาหกรรม และปัญหาด้านการจัดการขยะ ต้อนรับชาวโลกได้อย่างน่าประทับใจ
โอลิมปิกเกมส์หนแรกนอกทวีป ยุโรป-อเมริกา ครั้งนั้น ทัพซามูไรคว้าไปถึง 16 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง รั้งอันดับ 3 เป็นรองเพียง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต ญี่ปุ่นเปลี่ยนมาตรฐานของตัวเองไปอยู่ในระดับสูงในทุกๆด้านด้วยโอลิมปิก 1964
56 ปีต่อมา ญี่ปุ่นกำลังจะเป็นเจ้าภาพใน โอลิมปิก 2020 คราวนี้พวกเขาต้องเจอกับวิบากกรรมมากมาย ก่อนหน้านี้ต้องปรับเปลี่ยนสนามการแข่งขัน เนื่องจากช่วงเวลาสิงหาคมจะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ร้อนสาหัสสากรรจ์
และล่าสุด ตัวแปรสุดท้ายที่กำลังสร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก “ไวรัส โควิด-19” เป็นผลให้ ญี่ปุ่น ถูกตั้งคำถามว่าอีก 4 เดือนนับจากนี้ โตเกียว จะปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน และ การแพร่ระบาดจะยุติก่อนหรือไม่
แคนาดา, ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส ฯลฯ ชาติมหาอำนาจต่างออกโรงกดดัน ญี่ปุ่น ให้เลื่อนการแข่งขันออกไปก่อน จน โธมัส บาค ประธานไอโอซี ที่เคยระบุว่าจะใช้เวลา 4 สัปดาห์จากนี้เพื่อประเมินสถานการณ์ ต้องโทรศัพท์ไปเคลียร์กับ ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างเร่งด่วน
จนมีประกาศเมื่อ 24 มี.ค. ขอเลื่อน โอลิมปิกเกมส์ออกไปอีก 1 ปี เพื่อมนุษย์โลก
“ผมเสนอการเลื่อนแข่งขันออกไป 1 ปี ซึ่งประธานไอโอซี โธมัส บาก ตอบรับแบบเห็นด้วย 100%” ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ประกาศ
“การแพร่ระบาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและคาดการณ์ไม่ได้นี้ทำให้สถานการณ์ทั่วโลกเลวร้ายกว่าเดิม แม้แต่องค์การอนามัยโลกยังระบุว่าอัตราระบาดกำลังพุ่งสูงขึ้นอีก เมื่อคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และพิจารณาจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกแล้ว ประธานไอโอซีและนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจึงได้ข้อสรุปว่าโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงโตเกียวจะต้องเลื่อนไปเกินกว่าปี 2020 เพื่อปกป้องสุขภาพของทุกคน” ทาง โตเกียว 2020 ออกแถลงการณ์ และยืนยันจะใช้ชื่อเดิม ไม่มีการเปลี่ยนชื่อเป็น โตเกียว 2021 แต่อย่างใด
ในอดีต อาจจะเป็นสงคราม ที่พรากโอลิมปิกจากญี่ปุ่นไป แต่คราวนี้ สงครามของคนทั้งโลกที่ต้องสู้กับ ไวรัส ทำให้โอลิมปิกของญี่ปุ่นถูกพรากไปอย่างน้อย 1 ปีนับจากนี้
และเมื่อสงครามนี้สงบ ไม่เพียงแต่โอลิมปิกเท่านั้น แต่โลกใบนี้จะเปลี่ยนไป ตลอดกาลเช่นกัน
