บิ๊กก๊อง แนะ “บิ๊กอ๊อด” พล ต.อ.สมยศ พุ่มพันธม่วง ให้หันกลับมาใช้ระบบ“ผู้จัดการทีม”ในการช่วยบริหารทีมฟุตบอลชาติไทย ช่วย อากิระ นิชิโนะ ลุยคัดบอลโลก โซนเอเชีย อีก 3 นัดช่วงปลายปีนี้

กดติดตามไลน์ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติไทย ที่เคยสร้างผลงานลือลั่นพาทีมช้างศึกประสบความสำเร็จเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ซึ่งช่วงนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของทีมบอลไทยมีอันดับฟีฟ่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์และเป็น “เบอร์1”ในอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ ได้กล่าวเปิดใจกับผู้สื่อข่าว ถึงผลงานทีมชาติในยุคปัจจุบันว่า กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาและฟื้นฟูให้กลับไปยิ่งใหญ่ดังเดิม โดยนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พล ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง มีความตั้งใจจริงที่จะสร้างทีมบอลไทยให้ก้าวหน้ามากกว่าอดีตที่ผ่านมา เพียงแต่ยังติดขัดปัญหาเรื่องการประสานงานที่ดีพอ ทำให้การทำงานบางอย่างไม่ไหลลื่น

บิ๊กก๊อง เผยต่อไปว่า เมื่อปีที่แล้วตอนเอเชี่ยนคัพ 2019 ที่ยูเออี.ตนได้มีโอกาสเข้าไปร่วมเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งประสบปัญหาวิกฤติตั้งแต่เกมประเดิมสนามที่เราแพ้อินเดีย 1-4 จนต้องปลดโค้ช มิโลวาน ราเยวัช กลางอากาศ ก่อนที่ทุกคนในทีมจะรวมพลังกู้สถานการณ์จนทีมกลับมาเข้ารอบสองได้สำเร็จ

ความจริงหลังกลับจาก ยูเออี. ตนมีความคิดที่จะเข้าไปเสนอ“บิ๊กอ๊อด”ให้หันกลับมาใช้โค้ชในประเทศ โดยตนต้องการจะรวมลูกศิษย์ที่เป็นโค้ชดังทั้งหลายมาร่วมกันทำงานเป็น “ดรีมทีมโค้ช” ไม่ว่าจะเป็น “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซึ่งตนอยากให้คัมแบ็กมาทำงานเพื่อชาติอีกครั้ง ร่วมกับเพื่อนๆ อย่าง “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน , “โค้ชวัง” ธวัชชัย อ่องตระกูล, “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน รวมถึง “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ แต่ไอเดียนี้ก็ต้องพับไป เพราะสมาคมฯเขาตัดสินใจเลือกกุนซือชาวญี่ปุ่น อากิระ นิชิโนะ เข้ามากุมบังเหียน ซึ่งต้องถือว่าเลือกถูกคนเพราะโค้ชนิชิโนะถือเป็นกุนซือที่มีฝีมืออย่างแท้จริง

ส่วนเรื่องนโยบายสมาคมกีฬาฟุตบอลฯยุคนี้ ที่ไม่มี “ผู้จัดการทีม”เข้ามาช่วยดูแลทีมชาติ ทุกอย่างเป็นอำนาจสิทธิขาดของคนเป็นเฮดโค้ชแต่เพียงผู้เดียวนั้น นายวิรัช กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งเดียวที่ตนค่อนข้างเห็นต่างกับผู้บริหารสมาคมฯชุดนี้ เพราะฟุตบอลไทยยังไงระบบผู้จัดการทีมก็ยังคงสำคัญอยู่ อย่างน้อยก็มาช่วยประสานงานเรื่องต่างๆให้ราบรื่น ยิ่งถ้าเราใช้กุนซือต่างชาติยิ่งจำเป็นใหญ่ เพราะผู้จัดการทีมนี่แหละจะคอยเป็นตัวซัพพอร์ตการทำงานของโค้ชนอกให้สำเร็จลุล่วง ลำพังจะใช้แค่ล่ามเอามาแปลภาษาอย่างเดียวมันไม่เพียงพอหรอก เพราะเรื่องของฟุตบอลมันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ

“จากประสบการณ์ของผมที่เคยทำงานร่วมกับโค้ชต่างชาติ อย่าง ปีเตอร์ วิธ มาหลายปี บอกเลยว่าคนเป็นผู้จัดการทีมนี่แหละสำคัญมากสำหรับทีมชาติไทย บอลจะสำเร็จหรือล้มเหลวบางทีไม่ใช่โค้ชอย่างเดียว บางเรื่องเขาก็ต้องการที่ปรึกษาที่มีคุณภาพและมีอำนาจตัดสินใจ ผมว่าเราต้องมองบทบาทของคนมาเป็นผู้จัดการทีมซะใหม่ อย่าคิดว่าเอาเขามาเพื่อช่วยอัดฉีดอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราต้องหาใครซักคนที่มีความรู้เรื่องฟุตบอล มีเวลาเอาใจใส่ทีมมากพอ มาช่วยเติมเต็มการทำงานของโค้ช”

สำหรับโค้ชนิชิโนะตนมองว่า เขาเก่งอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ผู้จัดการทีมที่มีความสามารถมาช่วยกันทำงาน รับรองว่าทีมชาติไทยเราไปโลดแน่ กับเกมคัดบอลโลก ในอีก 3 แมตช์ที่เหลือ กับ อินโดนีเซีย , ยูเออี และ มาเลเซีย ที่ เอเอฟซี. วางแผนที่จะให้กลับมาเตะกันในช่วงปลายปีราวเดือน ต.ค. หลังสถานการณ์ “โควิด-19” คลี่คลาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน