ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทยของชิมิสุ เอส-พัลส์ สุดตื่นเต้นหากจะได้ฟาดแข้งกับญี่ปุ่นในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เชื่อเป็นตัวชี้วัดมาตรฐานของลูกหนังแดนสยาม

ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย ย้ายไปร่วมทีมชิมิสุ เอส-พัลส์ ในฤดูกาล 2020 และได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงตั้งแต่นัดแรก แถมระเบิดผลงานยิงประตูตั้งแต่นัดแรกต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในสนาม อย่างไรก็ตามเกมลีกแดนอาทิตย์อุทัย ต้องหยุด เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีแผนจะกลับมาเตะอีกครั้งในเดือนมิ.ย.นี้ ส่วนเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เตรียมกลับมาเตะอีกครั้งในเดือนต.ค. ตามกำหนดของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) และหากไทยสามารถผ่านเข้ารอบต่อไป มีโอกาสที่จะได้พบกับทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีนักเตะไทยไปค้าแข้งหลายคน

กดติดตามไลน์ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“การที่มีนักเตะไทยเล่นในเจลีกตอนนี้ถึง 4 คน (ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ชนาธิป สรงกระสินธ์) ทำให้เกิดกระแสเรื่องนักเตะไทยต้องการมาเล่นที่ญี่ปุ่นมากขึ้น ถือเป็นเรื่องดีที่ เพราะการได้เล่นที่ญี่ปุ่น ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองมากขึ้น หากมีนักเตะไทยมาเล่นที่นี่มากขึ้น ศักยภาพนักเตะของไทยจะเพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากที่เราเห็นได้อย่าง ชนาธิป พัฒนาตัวเองไปไกลมากกับการได้มาเล่นฟุตบอลอาชีพที่ญี่ปุ่น เมื่อนักเตะเหล่านี้กลับไปเล่นให้กับทีมชาติไทย ทำให้ทีมชาติเรามีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงมีตัวเลือกมากขึ้นด้วย จึงเป็นเรื่องที่ดีที่รุ่นน้องหลายๆ คนอยากที่จะมาเล่นที่ญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาตัวเอง”

“การที่ได้เล่นทั้งไทยลีก และเจลีก มีความแตกต่างกัน เพราะเจลีกมีมาก่อน มีพัฒนาการเรื่องฟุตบอลลีกอาชีพมาก่อนประเทศไทย ดังนั้นเรื่องการทำงานหนัก เรื่องระเบียบวินัย ที่เรารู้กันดี ไม่ใช่แค่เรื่องในสนามฟุตบอลมีกว่าที่ไทย เรื่องสปีดฟุตบอลจึงมากกว่าของไทยไปด้วย การเคลื่อนที่ การหาพื้นที่จะมีมากกว่าที่ไทยพอสมควร แต่ไม่ได้ห่างจากไทยมาก เพียงแต่เรื่องรายละเอียดเล็กน้อยที่ญี่ปุ่นให้ความใส่ใจมากกว่า”

“ส่วนการที่เราได้ลูกอีกคนแต่ยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันเลย แน่นอนว่าเราอยากอุ้ม อยากกอด อยากหอมแก้ม ได้แต่หวังว่าสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จะผ่านพ้นไปด้วยดี ขณะที่ฟุตบอลลีกไทยที่เลื่อนการแข่งขันไปเตะเดือนก.ย. และจบฤดูกาลในช่วงพ.ค.ปีหน้า ถือว่าเป็นที่เข้าใจได้ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคนี้ทำให้มีความจำเป็นต้องเลื่อนเกมฟุตบอลลีกไทยออกไปเพื่อความปลอดภัยของทุกคน แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีข้อดีข้อเสียต่างกัน เนื่องจากทุกลีกต้องปรับโปรแกรมเพื่อเปิดทางให้กับปฏิทินของฟีฟ่า (ฟีฟ่าเดย์) รวมถึงของเอเอฟซีด้วย ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะดีหรือแย่เพียงไหน ได้แต่หวังว่าฟุตบอลไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีเพื่อรับกับสถานการณ์ในครั้งนี้”

“ขณะที่การต้องเลื่อนการแข่งขันโปรแกรมฟุตบอลทีมชาติ น่าจะทำให้ร่างกายของผู้เล่นทีมชาติไทยดีขึ้น แต่ต้องคิดเรื่องโปรแกรมฟุตบอลลีกที่ทับซ้อนกันอยู่และต้องเล่นแบบถี่มากอาจจะส่งผลกระทบต่อทีมชาติเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าไทยจะมีฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ฟุตบอลซีเกมส์ รวมถึงฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รออยู่จากการที่ต้องกลับมาเตะ หวังว่าน้องๆ ในทีมชาติจะรักษาสภาพร่างกายของตัวเองให้พร้อมมากที่”

“สำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ที่เรายังเหลืออีก 3 แมตช์ (พบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย) ทำให้มีโอกาสที่ไทยจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ และมีโอกาสสูงที่จะได้พบกับญี่ปุ่นในรอบต่อไปนั้น น่าจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดี มีความรู้สึกที่ดีมาก เพราะเราเชื่อว่าตัวเราเองมีการพัฒนาขึ้นมาได้ดี มีผู้เล่นหน้าใหม่ขึ้นมา มีการจัดการที่ดีขึ้นเป็นระบบมากขึ้น เราอยากเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่ประเทศไทยพยายามทำมา แล้วต้องมาเจอกับญี่ปุ่นอีกครั้งจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเราทำมาถูกทางแล้ว เราอยากรู้ว่าสิ่งที่เราทำมานั้นจะลดระยะห่างระหว่างไทยกับญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนตัวอยากให้เรารู้สึกว่าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นนั้นแทบจะไม่ห่างชั้นกันเลย และผมเฝ้ารอโอกาสที่จะได้เจอกับทีมชาติญี่ปุ่นอีกครั้ง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน