ส.บอล งัดแผน 2 รัดเข็มขัด รักษาสถานะการเงิน งดจ่ายเงินเดือนช่วงไม่มีงาน สตาฟโค้ชทีมชาติทุกชุด รวมฝ่ายต่างๆแล้ว ทั้งหมด 70 คน แต่ “นิชิโนะ” ยังรับ 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีสัญญาผูกพัน
กดติดตามไลน์ข่าวสด official account ได้ที่นี่
จากวิกฤติโควิด-19 แพร่ระบาด สร้างความปั่นป่วนในทุกวงการ รวมทั้งวงการฟุตบอลไทย ซึ่งต้องหยุดการแข่งขัน ตั้งแต่แมตช์เมื่อต้นเดือนมี.ค. เป็นต้นมา และกำหนดแข่งอีกครั้ง เดือน ก.ย. เตะยาวไปถึง เดือน พ.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีการแข่งขัน ทำให้ส่งผลถึงรายได้ขององค์กร, สโมสร เนื่องจากปัญหาการจัดเก็บเงินคต่าลิขสิทธิ์ รวมทั้งจากผู้สนับสนุน ทำให้ขาดสภาพคล่อง ซึ่งแนวทางของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้นโยบายสโมสรลดค่าจ้างนักเตะ โค้ช ลง 50 เปอร์เซ็นต์
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า ในเรื่องของลิขสิทธิ์นั้น ส่วนของฟุตบอลไทย จะแตกต่างจากฟุตบอลยุโรป ที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะจ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากจัดแข่งไม่ได้ ปัญหาคือ พรีเมียร์ลีก ต้องหาเงินมาจ่ายคืน ส่วนของไทยนั้น แบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ไม่ได้จ่ายล่วงหน้า หากแข่งไม่ได้ ก็จะไม่ได้ค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งตรงนี้สมาคมฯ ก็กำหนดจัดแข่งในเดือน ก.ย. แต่หากถึงจุดนั้นจริงๆ คือ จัดแข่งไม่ได้ เก็บค่าลิขสิทธิ์ไม่ได้ สโมสรต้องมีการบริหารจัดการให้ตัวเองอยู่รอด เมื่อไม่ได้เงินส่วนนี้เข้ามา
“ในส่วนของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯก็ได้รับผลกระทบด้านการเงินเช่นกันซึ่งเพื่อรับปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินสมาคมฯมีนโยบายลดเงินเดือนทุกคนในสมาคมฯและบริษัทไทยลีกจำกัดลง 50 เปอร์เซ็นต์ในงวดเดือนเม.ย. ขณะที่ตนเองก็ไม่ขอรับเงินเดือนตามที่เป็นข่าวไปแล้ว”
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่าสำหรับมาตรการขั้นต่อไปคือ “Leave Without Pay” พักงานโดยไม่จ่ายเงินเดือนที่นำมาใช้ตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยมีประมาณ 70 คนที่อยู่ในมาตรการนี้เน้นไปที่กลุ่มที่ช่วงนี้ไม่มีหน้าที่เมื่อบอลพักการแข่งขันอยู่แล้วอาทิสตาฟโค้ชทีมชาติทุกชุด, หมอนวดรวมทั้งพนักงานแผนกอื่นที่งานในส่วนรับผิดชอบน้อยลงอย่างไรก็ตามในส่วนของอากิระนิชิโนะหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่ถูกลดเงินเดือนลง 50 เปอร์เซ็นต์นั้นด้วยข้อสัญญาผูกพันจึงไม่ยังคงรับเงินเดือนครึ่งหนึ่งอยู่
“สมาคมฯจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อประคองสถานะไว้ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้าใจในมาตรการนี้เมื่อสถานการณ์ปกติก็จะเชิญคนที่เข้าข่ายมาตรการนี้มาพูดคุยกัน” บิ๊กอ๊อดกล่าว
