ม.มหิดล จับมือ สสส. และภาคีเครือข่าย เปิดตัว ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) ยก 5 ปมฉุดรั้งเคลื่อนกิจกรรมทางกาย โชว์โมเดลไฮไลต์ เล่น-เรียน-รู้ ประกาศเป้าพร้อมร่วมขับเคลื่อนการส่งเสริมกิจกรรมการออกกำลังกาย ต่อยอดเป็นนักกีฬา สู่ระดับโลก

 

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.63 ที่ อาคารประชาสังคมอุดมพัฒน์ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย จัดงานแถลงข่าวเปิด ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (Thailand Physical Activity Knowledge Development Centre : TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมเสวนาออนไลน์ในหัวข้อ “ความสำคัญของกิจกรรมทางกายกับคนไทย บนชีวิตวิถีใหม่” มุ่งผนึกกำลังภาคีเครือข่ายฟื้นระดับการมีกิจกรรมทางกาย การเล่นกีฬาของคนไทยให้กลับคืนสู่ระดับปกติหลังพ้นวิกฤตไวรัส

ผศ.ดร.เอื้อมพร มัชฌิมวงศ์ รักษาการ รองอธิการบดีฝ่ายการคลัง มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ เพื่อใช้แก้ปัญหาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคม โดยเฉพาะประเด็นสุขภาพ จึงร่วมกับ สสส. สนับสนุนให้เกิดการดำเนินงานศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการให้สอดคล้องต่อสถานการณ์เพื่อการพัฒนาประเทศและสังคมโลก รวมถึงประเด็นการส่งเสริมกิจกรรมออกกำลังกาย ที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อสุขภาพ ซึ่งต่อยอดสู่การเป็นนักกีฬาที่สำคัญ ดังที่ ศ.ดร.ฟีโอนา บูล ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า “สถานการณ์และทิศทางในการส่งเสริมการออกกำลังกายระดับโลก เป็นเรื่องจำเป็นต้องให้ความสำคัญ โดยใช้กลไกของศูนย์วิชาการเป็นระบบสนับสนุนให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสามารถต่อยอดสู่การเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่”

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้บริหาร สสส. กล่าวว่า ช่วงวิกฤตไวรัส ส่งผลให้การออกกำลังกายของคนไทยลดลงจากร้อยละ 75 มาอยู่ที่ร้อยละ 55 จำเป็นต้องฟื้นฟูระดับการมีกิจกรรมการออกกำลังกายของคนไทยเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว สสส. ขับเคลื่อนการดำเนินงานโดยใช้ยุทธศาสตร์ไตรพลัง ได้แก่
1.การรณรงค์สื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักผ่านสื่อสาธารณะและการสื่อสารหลายลักษณะ

2.การร่วมขับเคลื่อนให้เกิดนโยบายซึ่งจะเป็นพลังที่ส่งผลกระทบสู่สังคมวงกว้าง

3.พลังความรู้ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันนโยบายที่ต้องใช้ข้อมูลทางวิชาการที่เชื่อถือได้ TPAK เป็นกลไกสนับสนุนข้อมูลการศึกษาวิจัยองค์ความรู้เรื่องกิจกรรมทางกายในมิติทางประชากร และสังคม

เพื่อให้ภาคีเครือข่ายและประชาชนที่สนใจนำข้อมูลไปใช้ในประกอบแผนและแนวทางในการขับเคลื่อนนโยบายด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายของประชากรไทย พร้อมเชื่อมประสานและสนับสนุนการทำงานของภาคีเครือข่ายทั้งเชิงนโยบาย องค์ความรู้ทางวิชาการ และสังคม ตลอดจนพัฒนาฐานข้อมูล เครื่องมือรวบรวมข้อมูลทางสังคม การวิเคราะห์แนวโน้ม การติดตามและประเมินผล เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่มีมาตรฐานทางวิชาการระดับสากล เป็นพลังสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยและคนไทยมีสุขภาวะ

ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา หัวหน้า TPAK สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล กล่าวว่า TPAK มีข้อเสนอแนะ 5 มาตรการ หรือ 5 ปมในการมีกิจกรรมทางกายและลดพฤติกรรมเนือยนิ่งของประชากรไทย โดย TPAK คือ 1.การรณรงค์เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความหมายและประโยชน์ของกิจกรรมทางกายในหลากหลายมิติ 2.การเผยแพร่แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องและสร้างแรงจูงใจในการมีกิจกรรมทางกายจากที่บ้าน 3.การสนับสนุนให้ชุมชนเป็นฐานในการริเริ่มการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและการใช้ประโยชน์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะอย่างปลอดภัย 4.การส่งเสริมให้เกิดความร่วมรับผิดชอบอย่างจริงจังในการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเพื่อสร้างเสริมทักษะและพัฒนาการตามช่วงวัยในเด็กและเยาวชน และ 5.การส่งเสริมให้เกิดการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและปลอดเชื้อในการจัดกิจกรรมสุขภาพและกีฬามวลชน

TPAK พัฒนาระบบเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมด้านกิจกรรมทางกายของประชากรไทย สนับสนุนการส่งเสริมนโยบายระดับชาติเป็นแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย (พ.ศ. 2561-2573) โดยดำเนินโครงการโรงเรียนฉลาดเล่น ด้วยกระบวนการวิจัยและพัฒนาเกิดเปนโมเดล “เล่น เรียน รู้” ให้แก่เด็กนักเรียน และได้เป็นต้นแบบโครงการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในเด็กขององค์การอนามัยโลก และกรณีศึกษาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนพัฒนาเป็นชุดคู่มือส่งเสริมการเรียนรู้ 3 มิติ “เล่น-เรียน-รู้” สำหรับโรงเรียน พร้อมดำเนินโครงการ “Thailand Report Card Global Matrix 3.0” สำรวจการมีกิจกรรมทางกายของเด็กและเยาวชนไทย ร่วมกับ 50 ประเทศทั่วโลก

นำไปสู่การใช้เป็นฐานข้อมูลในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การส่งเสริมกิจกรรมการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และเหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬาที่สำคัญ และยังจะมีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติในอนาคต TPAK มีเป้าหมายการดำเนินงาน 3 ระยะ คือ ระยะ 1 พัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้เกิดความพร้อมในการสนับสนุนการทำงานของภาคีเครือข่าย ระยะ 2 ขับเคลื่อนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และระยะ 3 องค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายที่ถูกพัฒนาขึ้นจะได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมถึงผลผลิตทางวิชาการได้รับการนำไปอ้างอิงทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ให้สอดคล้องและสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนงานส่งเสริมกิจกรรมทางกายตามเป้าหมายทั้งในระดับชาติและระดับโลก” ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน