อาร์เซนอลยังไว้ลายเจ้าของสถิติแชมป์ เอฟเอ คัพ มากครั้งสุด หลังโชว์ฟอร์มปราบแชมป์เก่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม “ปืนใหญ่”อาร์เซนอล เจ้าของสถิติแชมป์สูงสุด 13 สมัย เจอกับแชมป์เก่า “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นาที 16 ดาวิด หลุยซ์ ดักบอลได้แถวกลางสนามแล้วแทงขึ้นหน้าอย่างสวยงามให้ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง หลุดแนวรับเข้าไปยิงเหน่งๆ แต่บอลไม่หนีตัว เอแดร์สัน โมเรส เซฟไว้ได้ อาร์เซนอลยังไม่ขึ้นนำ
นาที 19 นิโกลาส์ เปเป ได้บอลทางกราบขวา แล้วเปิดลึกไปเสาสองให้ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง โฉบมาชาร์จเข้าไป อาร์เซนอลนำจนได้ 1-0
นาที 41 อาร์เซนอลได้เตะมุมฝั่งซ้าย ดานี เซบายอส เปิดเข้ามาให้ ชโคดราน มุสตาฟี โหม่งตรงกรอบ เอแดร์สัน โมเรส ต้องกระโดดปัดทิ้ง จบครึ่งแรก “ปืนใหญ่” ยังนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังนาที 71 อาร์เซนอลโต้กลับเร็ว คีแรน เทียร์นีย์ เปิดเร็วจากครึ่งสนามข้ามแนวรับแบบได้น้ำหนักให้ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง สปีดหลุดเข้าไปเผชิญหน้านายทวาร ก่อนส่งบอลสู่ก้นตาข่ายนิ่มๆ เป็นเม็ดตอกฝาโลงให้ “ปืนใหญ่” ชนะไป 2-0
ทำให้อาร์เซนอลผ่านเข้าชิงชนะเลิศถ้วยนี้เป็นหนที่ 21 ในประวัติศาสตร์สโมสร รอเจอผู้ชนะคู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด-เชลซี โดยนัดชิงดำจะเตะที่สนามเวมบลีย์แห่งนี้เช่นเดิม ในวันที่ 1 สิงหาคม
ส่วนผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในวันเดียวกัน “นกขมิ้นเหลืองอ่อน”นอริช ซิตี้ แพ้คารังต่อ “เดอะ คลาเรตส์”เบิร์นลีย์ 0-2 ทีมเยือนได้จาก คริส วูด นาที 45, เบน ก็อดเฟรย์ นาที 80(ทำเข้าประตูตัวเอง)
เกมนี้นอริชต้องเหลือ 9 คน เอมิเลียโน บูเอ็นเดีย ถูกไล่ออกนาที 35 ตามมาด้วย โยซิป เดอร์มิช เจอตะเพิดนาที 45
ทำให้ผ่านไป 37 นัด นอริชมีแค่ 21 แต้ม ตกชั้นในฐานะบ๊วยไปแล้ว ด้านเบิร์นลีย์เก็บเพิ่มเป็น 54 แต้ม อยู่ที่ 9 ยังพอมีโอกาสลุ้นตั๋วยูฟ่า ยูโรปา ลีก