เปิดประวัติ ดิเอโก มาราโดนา สุดยอดนักฟุตบอลตลอดกาล ผู้มีวีรกรรมทั้งดีและร้ายมากมาย แต่เรื่องฝีเท้าได้รับการยกย่องว่าไม่เป็นรองใครในโลกทั้งสิ้น

“เสือเตี้ย”ดิเอโก มาราโดนา ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดนักฟุตบอลตลอดกาลของโลกใบนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ความสำเร็จในรูปแบบของแชมป์ต่างๆ แต่ยังเป็นลวดลายที่เจ้าตัวแสดงออกในสนาม รวมถึงสีสันการใช้ชีวิตด้วย

โดยมาราโดนาเป็นนักเตะจากอาร์เจนตินา ที่โลดแล่นทั้งในลีกบ้านเกิด หรือต่างแดนอย่างในสเปนและอิตาลี ถึงจะมีจุดด่างพร้อยเรื่องความประพฤติและวีรกรรมสุดแสบต่างๆ แต่ก็ไม่ทำให้ผู้คนลืมฝีเท้าอันเป็นเอกอุของเขาได้

มาราโดนาถือกำเนิดบนโลกแห่งนี้เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1960 ที่กรุงบูเอโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา เป็นลูกคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน ในครอบครัวที่ยากจน จากนั้นเจ้าตัวได้รับลูกฟุตบอลเป็นของขวัญวันเกิด 3 ขวบ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่

เมื่ออายุได้ 10 ขวบ มาราโดนาเข้าร่วมทีมเยาวชนของอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรใหญ่ของบ้านเกิด ก่อนจะแสดงความสุดยอดนำทีมไร้พ่ายถึง 136 แมตช์ติดต่อกัน ต่อมาในปี 1976 ได้รับสัญญาอาชีพจากสโมสร โดยที่อายุยังไม่ถึง 16 ปีเต็มด้วยซ้ำ

มาราโดนาเล่นให้อาร์เจนติโนสถึงปี 1980 ก็ย้ายสู่ทีมยักษ์ใหญ่ของชาติอีกรายอย่างโบคา จูเนียร์ส ซึ่งเจ้าตัวพาทีมคว้าแชมป์ลีกปี 1981 ได้สำเร็จ หลังจากนั้นจึงโบยบินสู่ยุโรปไปเล่นให้ “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลนา แห่งสเปน

เส้นทางในยุโรป มาราโดนาอยู่กับบาร์เซโลนาในปี 1982-84 คว้าแชมป์ไป 3 รายการ จากนั้นเล่นกับ “อัซซูรา”นาโปลี ของอิตาลี ในช่วงปี 1984-91 พาทีมได้แชมป์ 5 รายการ และเจ้าตัวเป็นดั่งพระเจ้าของสโมสรแห่งนี้ ก่อนจะไปอยู่กับเซบียา ของสเปน ในปี 1992-93

จากนั้นมาราโดนาจึงกลับมาอาร์เจนตินาเพื่อเล่นกับนีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ในปี 1993-94 ก่อนจะเล่นให้โบคาอีกรอบในปี 1995-98 แล้วจึงแขวนสตั๊ด

ส่วนผลงานกับทีมชาติอาร์เจนตินา มาราโดนาเริ่มติดทีมชุดใหญ่ในปี 1977 และสิ้นสุดเส้นทางในปี 1994 เพราะเกิดเรื่องฉาว รวมแล้วลงเล่นในสีเสื้อ “ฟ้าขาว” ไปทั้งหมด 91 นัด ยิงได้ 34 ประตู

ช่วงเวลาที่ทั้งโลกจดจำเจ้าตัวได้ดีที่สุดหนีไม่พ้นฟุตบอลโลก 1986 ที่มาราโดนาแสดงความยอดเยี่ยมจนทีมได้แชมป์โลก เจ้าตัวคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน และได้ตำแหน่งรองดาวซัลโวด้วย

รอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกคราวนั้น อาร์เจนตินาชนะอังกฤษ 2-1 มาราโดนาแสดงความเป็นทั้งพระเจ้าและซาตานออกมา หลังจากใช้มือที่เจ้าตัวเรียกว่า “หัตถ์พระเจ้า” ทำประตู จากนั้นพาบอลโซโล่จากครึ่งสนามฝ่าดงคู่แข่งเข้าไปแตะหลบนายทวารแล้วยิงตุงตาข่ายอย่างเหลือเชื่อ

จุดสิ้นสุดบนเส้นทางทีมชาติของมาราโดนาเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 1994 เมื่อเจ้าตัวถูกตรวจพบสารต้องห้ามในร่างกายระหว่างทัวร์นาเมนต์ จึงถูกฟีฟ่าลงโทษขับออกจากการแข่งขันทันที จากนั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยกลับมาติดธงอีก

หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ มาราโดนาก็ยังโลดแล่นอยู่ในวงการ โดยได้รับโอกาสเป็นกุนซือกับหลายสโมสร รวมถึงยังเคยได้คุมทีมชาติอาร์เจนตินาช่วงปี 2008-10 แต่ก็ไม่ได้มีความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

มาราโดนาที่ใช้ชีวิตอย่างสมบุกสมบัน ต้องเผชิญปัญหาสุขภาพบ่อยครั้ง รุนแรงถึงขั้นผ่านการรักษาปัญหาโรคหัวใจในปี 2000 และ 2004 นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ปัญหาการเงิน และปัญหาชีวิตครอบครัวปรากฏออกมาเรื่อยๆ

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมล่าสุด ผู้คนทั่วโลกเพิ่งพากันอวยพรวันเกิดให้กับมาราโดนา แต่ไม่กี่วันต่อมาตำนานรายนี้ต้องเข้ารับการผ่าตัดลิ่มเลือดในสมอง ซึ่งผลการผ่าตัดประสบความสำเร็จด้วยดี แต่เจ้าตัวยังต้องบำบัดอาการติดสุราต่อ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 ไม่มีใครคิดว่าจะได้รับรู้ข่าวช็อกโลก เมื่อมาราโดนาเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตที่บ้านพักในกรุงบูเอโนสไอเรส ด้วยวัย 60 ปี สร้างความเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง

มาราโดนาอาจไม่ได้มีแชมป์ติดมือมากมายอะไรนัก แต่ลวดลายที่เขารังสรรค์ในสนาม ทำให้ผู้คนต่างยกย่องด้วยความเต็มใจให้เป็นสุดยอดแข้งตลอดกาลของโลก ต่อให้ถกเถียงกันเช่นไร ชื่อของ “เสือเตี้ย” ก็ไม่มีทางหลุดเกิน 3 อันดับแรกเป็นอันขาด…

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน