หงส์แดงพลาดท่าแพ้ให้กับอตาลันตา หยุดสถิติไร้พ่ายในบ้าน และยังไม่ได้ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ด้านเสือใต้ชนะต่อเนื่อง คว้าแชมป์กลุ่มแล้ว

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน กลุ่มดี “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “เทพธิดา”อตาลันตา จากอิตาลี

เกมนี้เจ้าถิ่นใช้งาน ดิว็อก โอริกี, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน ส่วนทีมเยือนนำโดย โยซิป อิลิชิช, อเลฆานโดร โกเมซ, เรโม ฟรอยเลอร์

เริ่มเกมมา 9 นาที โอกาสเป็นของอตาลันตา โรบิน โกเซนส์ เติมสูงมารับบอลแล้วหลุดเข้าริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย โกเซนส์จึงตัดสินใจยิงยัดใส่เสาแรกทันที อลิสสัน เบ็กเกอร์ ต้องออกแรงทุบทิ้ง

นาที 44 ทีมเยือนได้ลุ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บบอลได้แถวหน้าเขตโทษแล้วกระชากเข้าไปยิงข้ามคาน จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาที 60 อเลฆานโดร โกเมซ ได้บอลทางกราบซ้าย จึงเปิดไปเสาสองให้ โยซิป อิลิชิช ชาร์จตุงตาข่าย อตาลันตาออกนำ 1-0

นาที 64 อเลฆานโดร โกเมซ เปิดบอลเข้าเขตโทษถึง ฮันส์ ฮาเตอบัวร์ โขกชงมาให้ โรบิน โกเซนส์ โฉบมาซัดไม่พลาด อตาลันตาจึงบุกมาชนะ 2-0 และทำให้ลิเวอร์พูลจบสถิติไร้พ่ายในแอนฟิลด์ที่ยืนยงมานานด้วย

โดยหนสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลแพ้คาบ้านในเวลา 90 นาทีรวมทุกรายการ ต้องย้อนไปถึงศึกลีก คัพ ฤดูกาล 2018-19 รอบสาม ที่พ่ายเชลซี 1-2 หยุดสถิติไว้ 54 นัด แต่ถ้านับเฉพาะเกมแชมเปียนส์ ลีก หนล่าสุดเป็นรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2014-15 ที่แพ้เรอัล มาดริด 0-3 หยุดสถิติที่ 19 นัด

ผลอีกคู่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จากเนเธอร์แลนด์ เอาชนะมิดทิลลันด์ จากเดนมาร์ก 3-1

เจ้าถิ่นได้จาก ไรอัน กราเฟนเบิร์ช นาที 47, นุสแซร์ มาซราอุย นาที 49, ดาวิด เนเรส นาที 66 ส่วนทีมเยือนได้จาก อาเวอร์ มาบิล นาที 81 เกมนี้มิดทิลลันด์เหลือ 10 คน เอริก สเวียตเชนโก ถูกไล่ออกนาที 90

ทำให้ผ่าน 4 นัด ลิเวอร์พูลยังนำจ่าฝูง(9 คะแนน) ตามด้วยอันดับ 2 อาแจ็กซ์(7 คะแนน) อันดับ 3 อตาลันตา(7 คะแนน) อันดับ 4 มิดทิลลันด์(0 คะแนน)

กลุ่มบี “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี แพ้คารังต่อ “ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด จากสเปน 0-2

ทีมเยือนได้จาก เอเดน อาซาร์ นาที 7(จุดโทษ), อัชราฟ ฮาคิมี นาที 59(ทำเข้าประตูตัวเอง) เกมนี้อินเตอร์เหลือ 10 คน อาร์ตูโร วิดัล ถูกไล่ออกนาที 33

อีกคู่ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัก จากเยอรมนี เอาชนะชักตาร์ โดเน็ตส์ก จากยูเครน 4-0 เจ้าถิ่นได้จาก ลาร์ส สตินเดิล นาที 17(จุดโทษ), นิโค เอลเวดี นาที 34, บรีล เอ็มโบโล นาที 45, ออสการ์ เวนด์ต นาที 77

ผ่านไป 4 นัด มึนเชนกลัดบักนำจ่าฝูง(8 คะแนน) ตามด้วยอันดับ 2 มาดริด(7 คะแนน) อันดับ 3 ชักตาร์(4 คะแนน) อันดับ 4 อินเตอร์(2 คะแนน)

กลุ่มเอ “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิก แชมป์เก่าจากเยอรมนี เอาชนะเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก จากออสเตรีย 3-1

เจ้าถิ่นได้จาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี นาที 42, มักซิมิเลียน โวเบอร์ นาที 52(ทำเข้าประตูตัวเอง), เลอรอย ซาเน นาที 68 ส่วนทีมเยือนได้จาก เมอร์กิม เบริชา นาที 73 เกมนี้บาเยิร์นเหลือ 10 คน มาร์ก โรกา ถูกไล่ออกนาที 66

อีกคู่ แอตเลติโก มาดริด จากสเปน เสมอกับโลโคโมทีฟ มอสโก จากรัสเซีย 0-0

ทำให้ผ่านไป 4 นัด บาเยิร์นชนะรวด กวาดไป 12 คะแนนเต็ม เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้ว อันดับ 2 แอตฯมาดริด(5 คะแนน) อันดับ 3 โลโคโมทีฟ(3 คะแนน) อันดับ 4 ซัลซ์บวร์ก(1 คะแนน)

กลุ่มซี โอลิมเปียกอส จากกรีซ แพ้คารังต่อ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ 0-1 ทีมเยือนได้จาก ฟิล โฟเดน นาที 36

อีกคู่ โอลิมปิก มาร์กเซย จากฝรั่งเศส แพ้ต่อปอร์โต จากโปรตุเกส 0-2

ทีมเยือนได้จาก ไซดู ซานูซี นาที 39, แซร์จิโอ โอลิเวรา นาที 72(จุดโทษ) เกมนี้ทั้งคู่ต่างเหลือ 10 คน มาร์โก กรูยิช ของปอร์โต ถูกไล่ออกนาที 67 ขณะที่ เลโอนาร์โด บาเลร์ดี ของมาร์กเซย ถูกตะเพิดนาที 70

ผ่านไป 4 นัด แมนฯซิตี้ชนะรวด กวาดครบ 12 คะแนน นำจ่าฝูงและเข้ารอบแน่นอน อันดับ 2 ปอร์โต(9 แต้ม) อันดับ 3 โอลิมเปียกอส(3 แต้ม) อันดับ 4 มาร์กเซย(0 แต้ม)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน