ปีศาจแดงยังไม่ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หลังโดนเปแอสเชบุกทุบถึงรัง ขณะที่เชลซีชนะหรูซิวแชมป์กลุ่ม โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ขึ้นแท่นสถิติซัลโว

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม กลุ่มเอช “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของปารีส แซงต์ แชร์กแมง รองแชมป์เก่าจากฝรั่งเศส

เกมนี้เจ้าถิ่นให้ เอดินสัน คาวานี ลงเผชิญหน้าทีมเก่า ผนึกกำลังร่วมกับ บรูโน แฟร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด ส่วนทีมเยือนใช้งาน มอยเซ เคน, คีลิยาน เอ็มบัปเป, เนย์มาร์

เริ่มเกมมาแค่ 6 นาที คีลิยาน เอ็มบัปเป พาบอลเข้ามายิงจากบริเวณหัวกะโหลกหน้าเขตโทษติดกองหลัง แต่บอลลอยโด่งเข้าเขตโทษเป็นโอกาสให้ เนย์มาร์ ปราดเข้ายิงมุมแคบตุงตาข่าย เปแอสเชนำ 1-0

นาที 10 เปแอสเชมีเสียวอีก อเลสซานโดร ฟลอเรนซี ตัดบอลได้ทางกราบขวา แล้วสับไกจากบริเวณมุมเขตโทษแบบเน้นๆ ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงพุ่งปัดทิ้ง

นาที 32 อองโธนี มาร์กซิอัล ยิงไปถูกนายทวารเซฟ อารอน วาน-บิสซากา เติมขึ้นมาเก็บบอลได้ทางริมเส้นฝั่งขวา แล้วตบย้อนให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด สับไกยิงแฉลบปลายเท้า ดานิโล เปเรรา เข้าประตู แมนฯยูไนเต็ดตีเสมอ 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังนาที 57 แมนฯยูไนเต็ดโต้กลับเร็ว เอดินสัน คาวานี หลุดไปโดยไม่มีใครขวางแล้วชิพบอลข้ามหัวนายทวารไปชนคาน บรูโน แฟร์นานเดส เก็บได้แล้วจ่ายกลับหลังให้ อองโธนี มาร์กซิอัล ยิงซ้ำก็ถูกกองหลังบล็อกหวุดหวิด

นาที 64 โอกาสเป็นของเปแอสเช อเลสซานโดร ฟลอเรนซี หลุดไปทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วเปิดลอยสู่เสาสอง มาร์กินญอส โหนโหม่งบอลย้อยไปชนคาน

นาที 68 ทีมเยือนมีเสียวอีกครั้ง เนย์มาร์ ป้ายบอลให้ มิตเชล บักเกอร์ ได้ยิงในเขตโทษ ดาบิด เด เคอา ล้มตัวปัดทิ้งหวุดหวิด

นาที 69 อันเดร์ เอร์เรรา ซัดจากหน้าเขตโทษพุ่งมาหา อับดู ดิยัลโล ตวัดกวาดบอลไปเข้าทาง มาร์กินญอส รับได้แล้วยิงเผาขนตุงตาข่าย เปแอสเชนำ 2-1

นาที 70 แมนฯยูไนเต็ดเสียเปรียบกว่าเดิม เฟร็ด เลี้ยงบอลยาวเลยต้องเสียบสกัดใส่ อันเดร์ เอร์เรรา ที่โฉบเข้ามาแย่ง ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่เฟร็ดออกจากสนาม

นาที 90+1 ราฟินญา หลุดเข้าเขตโทษไปเผชิญหน้านายทวาร แต่ใจกว้างเลือกตบให้ เนย์มาร์ ยิงเข้าสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ เปแอสเชจึงบุกชนะ 3-1

อีกคู่ในกลุ่มนี้ อิสตันบูล บาซักเซฮีร์ จากตุรกี แพ้คารังต่อไลป์ซิก จากเยอรมนี 3-4 เจ้าถิ่นได้จาก อีร์ฟาน คาห์เวซี ทำแฮตทริกนาที 45, 72 และ 85 ส่วนทีมเยือนได้จาก ยุสซุฟ โพลเซน นาที 26, นอร์ดี มูคิเอเล นาที 43, ดานี โอลโม นาที 66, อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ นาที 90

ทำให้ผ่านไป 5 นัด แมนฯยูไนเต็ดนำจ่าฝูง ตามด้วยอันดับ 2 เปแอสเช และอันดับ 3 ไลป์ซิก ทั้งหมดมี 9 คะแนนเท่ากัน ต้องวัดกันด้วยการคำนวณมินิลีก โดยทั้งหมดต้องไปลุ้นเข้ารอบนัดสุดท้าย ส่วนอันดับ 4 บาซักเซฮีร์(3 คะแนน) ตกรอบเรียบร้อย

กลุ่มอี เซบียา จากสเปน แพ้ต่อ “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี จากอังกฤษ 0-4 ทีมเยือนได้จาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาที 8, 54, 74 และ 82(จุดโทษ) ชิรูด์กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 15 ในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ ลีก ที่ยิงได้อย่างน้อย 4 ประตูในเกมเดียว

อีกคู่ คราสโนดาร์ จากรัสเซีย เอาชนะแรนส์ จากฝรั่งเศส 1-0 เจ้าถิ่นได้ประตูชัยจาก มาร์คุส เบิร์ก นาที 71

ทำให้ผ่านไป 5 นัด เชลซีได้แชมป์กลุ่ม(13 แต้ม) เซบียาจบรองแชมป์กลุ่ม(10 แต้ม) เข้ารอบทั้งคู่แล้ว ขณะที่อันดับ 3 คราสโนดาร์(4 แต้ม) คว้าตั๋วยูฟ่า ยูโรปา ลีก ส่วนอันดับ 4 แรนส์(1 แต้ม) ตกรอบสนิท

กลุ่มเอฟ “เสือเหลือง”โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จากเยอรมนี เสมอกับ “อินทรีฟ้าขาว”ลาซิโอ จากอิตาลี 1-1 เจ้าถิ่นได้จาก ราฟาเอล เกร์เรโร นาที 44 ส่วนทีมเยือนได้จาก ชิโร อิมโมบิเล นาที 67(จุดโทษ)

อีกคู่ คลับ บรูช จากเบลเยียม เอาชนะเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จากรัสเซีย 3-0 เจ้าถิ่นได้จาก ชาร์ลส์ เดอ เคอเตอลาเรอ นาที 33, ฮันส์ ฟานาเกน นาที 58(จุดโทษ), โนอา ลัง นาที 73

ผ่านไป 5 นัด ดอร์ตมุนด์นำจ่าฝูง(10 แต้ม) เข้ารอบแน่นอนแล้ว ส่วนอันดับ 2 ลาซิโอ(9 แต้ม) และอันดับ 3 คลับ บรูช(7 แต้ม) ต้องไปวัดกันในแมตช์สุดท้าย ด้านอันดับ 4 เซนิตฯ(1 แต้ม) ตกรอบสนิท

กลุ่มจี เฟเรนช์วารอส จากฮังการี แพ้ให้กับ “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลนา จากสเปน 0-3 ทีมเยือนได้จาก อองตวน กรีซมันน์ นาที 14, มาร์ติน เบรธเวต นาที 21, อุสมาน เดมเบเล นาที 27(จุดโทษ)

อีกคู่ ยูเวนตุส จากอิตาลี เอาชนะดินาโม เคียฟ จากยูเครน 3-0 เจ้าถิ่นได้จาก เฟเดริโก เคียซา นาที 21, คริสเตียโน โรนัลโด นาที 57, อัลบาโร โมราตา นาที 66

ผ่านไป 5 นัด บาร์เซโลนานำจ่าฝูง(15 แต้ม) ตามด้วยอันดับ 2 ยูเวนตุส(12 แต้ม) เข้ารอบทั้งคู่แล้ว ขณะที่อันดับ 3 ดินาโม และอันดับ 4 เฟเรนช์วารอส(ทีมละ 1 แต้ม) ต้องไปแย่งตั๋วยูฟ่า ยูโรปา ลีก กันเองในนัดสุดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน