บาเยิร์น มิวนิก เฉือนเอาชนะ ติเกรส 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือสโมสรโลกเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ทีม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

การแข่งขันฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือชิงแชมป์สโมสรโลก 2020 เมื่อวันที่ 11 ก.พ.เป็นรอบชิงชนะเลิศที่สนาม เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม เมืองอัล รายยาน ประเทศกาตาร์ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก จากเยอรมนีในฐานะตัวแทนทวีปยุโรป พบกับ ติเกรส จากเม็กซิโกในฐานะตัวแทนจากทวีปอเมริกา

• “เลวานดอฟสกี” ซัลโวเบิ้ลนำเสือใต้บดอัล อาห์ลี ทะลุชิงศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

• งานเข้า! สื่อเผย โธมัส มุลเลอร์ ติดโควิดหลังลงเล่นเกมชิงแชมป์สโมสรโลก

• บาเยิร์น ประกาศชัดสนคว้า อูปาเมกาโน เสริมแนวรับ

เกมนี้ บาเยิร์น มิวนิก ที่ไม่มี โธมัส มุลเลอร์ เนื่องจากติดโควิดส่ง แซร์ช นาบรี, เลรอย ซาเน และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ลงสนาม ส่วน ติเกรส วาง ฮาเวียร์ อากีโน, ลุยส์ กีโญเนส และอองเดร ปิแอร์ ฌีญัก นำทัพ

นาที 19 “เสือใต้” พลาดประตูออกนำจากจังหวะที่ โจชัว คิมมิช ยิงไกลนอกกรอบแล้ว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่อยู่ในกรอบเขตโทษเบี่ยงตัวหลบบอลซึ่งลูกผ่านมือ นาอูเอล กุซมัน เข้าไปอย่างสวยงาม ทว่าผู้ตัดสินไปดูวีเออาร์แล้วมองว่า เลวานดอฟสกี รบกวนการเล่นจึงถูกริบประตูกลับ

หลังจากนั้น บาเยิร์นเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของ ติเกรส เพื่อหาจังหวะจบสกอร์ได้มากนักทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

นาที 51 “เสือใต้” เกือบขึ้นนำหลัง แซร์ช นาบรี ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนปั่นด้วยขวากะให้เสียบเสาสองแต่ลูกกลับข้ามคานไป

นาที 59 บาเยิร์น ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ โจชัว คิมมิช โยนเข้ากรอบเขตโทษให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปโหม่งแต่ไม่ผ่านมือ นาอูเอล กุซมัน อย่างไรก็ตามบอลมาเข้าทาง แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ซ้ำเข้าไปง่ายๆ

หลังจากนั้นแม้ “เสือใต้” จะมีโอกาสบวกสกอร์เพิ่มหลายครั้งแต่ก็ทำไม่สำเร็จจบเกม บาเยิร์น เฉือน ติเกรส 1-0 คว้าแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2020 ไปครอง

จากผลดังกล่าวทำให้ บาเยิร์น มิวนิก คว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรต่อจากปี 2013 รวมถึงเป็นการคว้าแชมป์รายการที่ 6 ต่อจาก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล, ซูเปอร์ คัพ และยูฟ่า ซูเปอร์ ลีก ในระยะเวลาเพียง 9 เดือน

ขณะที่นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ตกเป็นของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้า บาเยิร์น

ส่วนผลนัดชิงอันดับ 3 อัล อาห์ลี จากอียิปต์ในฐานะตัวแทนแอฟริกา ชนะจุดโทษ พัลไมรัส จากบราซิลในฐานะตัวแทนทวีปอเมริกาใต้ในการดวลจุดโทษ 3-2 หลังเสมอกันในเวลาปกติ 0-0