อตาลันตาเหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม ก่อนโดนราชันชุดขาวยิงปลิดชีพ ส่วนเรือใบสีฟ้าโชว์ฟอร์มแจ่มเอาชนะสิงห์หนุ่ม ตุนความได้เปรียบในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ “เทพธิดา”อตาลันตา จากอิตาลี เปิดสนามเกวิสส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ “ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด จากสเปน
- เคราะห์ซ้ำ! เฮนเดอร์สัน เจ็บยาว 6 สัปดาห์ส่อปิดฉากซีซั่นนี้
- ถึงเวลา? คล็อปป์ เตรียมลาหงส์คุมทัพอินทรีเหล็กปี 2022
- แดงเดือดนอกรอบ! ผีเปิดศึกหงส์ชิงตัว ดีบาลา เสริมแนวรุก
เกมนี้เจ้าถิ่นจัด หลุยส์ มูริเอล, ดูบัน ซาปาตา, มัตเตโอ เปสซินา ลงสนาม ส่วนทีมเยือนเลือกใช้งาน อิสโก, วินิซิอุส จูเนียร์, มาร์โก อเซนซิโอ
เริ่มเกมมาได้ 17 นาที แฟร์กลอง เมนดี สบช่องจะควบบอลหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ เรโม ฟรอยเลอร์ จึงตัดสินใจเข้าปะทะทำฟาวล์ ผู้ตัดสินมองว่าเป็นแนวรับคนสุดท้ายก่อนถึงประตู จึงแจกใบแดงไล่ฟรอยเลอร์ออกจากสนาม อตาลันตาต้องเหลือ 10 คน
นาที 30 อตาลันตาต้องเจอข่าวร้ายเพิ่มอีก ดูบัน ซาปาตา มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องถูกถอดออกแล้วให้ มาริโอ ปาซาลิช ลงมาแทน
นาที 45 มาดริดได้ฟรีคิกระยะไกล โทนี โครส เปิดเข้าเขตโทษให้ คาเซมิโร ขวิดตามน้ำตรงกรอบ ผู้รักษาประตูเซฟได้เหลือเชื่อ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังไม่ค่อยมีจังหวะลุ้นประตูกันมากนัก กระทั่งนาที 86 มาดริดได้เตะมุมทางซ้าย โทนี โครส จ่ายเรียดให้ ลูกา โมดริช รับได้แล้วส่งต่อไปให้ แฟร์กลอง เมนดี ลองปั่นด้วยขวาระยะไกล บอลลอยผ่านมือนายทวารตุงตาข่าย กลายเป็นประตูชัยให้ทีมเยือนบุกชนะ 1-0
ส่วนอีกคู่ “สิงห์หนุ่ม”โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัก จากเยอรมนี เจอกับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ เกมนี้โยกไปเตะที่สนามปุสกัส อารีนา กรุงบูดาเปสต์ ของฮังการี
ครึ่งแรกนาที 29 เชา คันเซโล พาบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนเปิดลึกไปหน้าประตูให้ แบร์นาร์โด ซิลวา โฉบมาโขกตุงตาข่าย แมนฯซิตี้จึงออกนำ 1-0
นาที 65 แมนฯซิตี้บุกมาทางซ้าย เชา คันเซโล ได้บอลแล้วเปิดลึกเข้าเขตโทษไปเสาสอง แบร์นาร์โด ซิลวา จึงโขกชงเข้ากลางให้ กาเบรียล เชซุส ชาร์จเข้าไป “เรือใบสีฟ้า” จึงบุกมาชนะ 2-0 โดยทั้ง 2 คู่จะไปเตะนัดสองวันที่ 16 มีนาคม
ด้านฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากอังกฤษ เอาชนะโวล์ฟสแบร์เกอร์ จากออสเตรีย 4-0 สเปอร์สเข้ารอบด้วยผลรวม 8-1
