แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบฟุตบอลถ้วยยุโรปครั้งแรกในรอบ 50 ปี หลังเปิดบ้านเอาชนะ เปแอสเช 2-0 ในการแข่งขันแชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง เมื่อวันที่ 4 พ.ค. “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ จากพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เปิดสนามเอติฮัด สเตเดียม รับการมาเยือนของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส โดยนัดแรกทีมจากอังกฤษบุกไปชนะมาก่อน 2-1

เกมนี้เปแอสเช ไม่ส่ง คิลิย็อง เอ็มบัปเป ดาวยิงตัวเก่งลงสนาม เนื่องจากกังวลเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ยังมีชื่อเป็นตัวสำรอง

เปิดฉากมา นาทีที่ 6 แมนฯ ซิตี้เกือบเสียจุดโทษจากจังหวะสกัดของ โอเลกซานเดอร์ ซินเชนโก ที่ดูเหมือนจะเป็นแฮนด์บอล แต่ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ก่อนยกเลิกจังหวะดังกล่าว

จากนั้นนาที 10 แมนฯ ซิตี้นำ 1-0 จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ เก็บตกบอลในเขตโทษ ก่อนยิงยัดเข้าประตูไป

หลังจากนั้นเกมยังสูสี จบครึ่งแรกแมนฯ ซิตี้ นำ 1-0

ครึ่งหลัง นาที 63 แมนฯ ซิตี้โต้กลับ ฟิล โฟเดน หลุดไปทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ากลาง บอลหลุดมาที่เสาสอง ริยาด มาห์เรซ วิ่งเข้ามายิงเข้าประตูไป ให้เจ้าบ้านนำ 2-0

(Photo by Paul ELLIS / AFP)

 

หลังจากนั้น นาที 68 เปแอสเช เหลือ 10 คน อังเกล ดิ มาเรีย ไปเล่นนอกเกม เหยียบใส่แฟร์นันดินโญ ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ออกนอกสนามทันที

ช่วงที่เหลือไม่มีทีมไหนยิงเพิ่มได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เปแอสเช 2-0 รวมสองนัด ชนะ 4-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปครั้งแรกในรอบ 51 ปี

โดยครั้งสุดท้ายที่แมนฯ ซิตี้ เข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยยุโรป เกิดขึ้นเมื่อปี 1970 ในรายการคัพ วินเนอร์ส คัพ และคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ กอร์นิก 2-1

และถือเป็นการเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หนแรก ของทีมเรือใบสีฟ้าด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน