ราฮีม สเตอร์ลิง แนวรุกกลายเป็นตัวทีเด็ด หลังยิงประตูชัย พา อังกฤษ เฉือนชนะ โครเอเชีย 1-0 ประเดิมสนามด้วย 3 คะแนน ในการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2020

การแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2020 ประจำวันที่ 13 มิ.ย.64 เป็นการแข่งขัน ในกลุ่มดี คู่แรกเวลา 20.00 น. ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “สิงโตคำราม” อังกฤษ พบกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย

สำหรับคู่นี้เจอกันมาทั้งหมด 10 ครั้ง เป็นอังกฤษ ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยด้วยการชนะ 5 นัด โครเอเชีย ชนะ 3 นัด และเสมอกันไป 2 นัด หนล่าสุดพบกันในเกมยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 เป็นอังกฤษชนะ 2-1

เกมนี้ทีมชาติอังกฤษ ลงผู้เล่น 11 ตัวจริง ประกอบด้วย จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, ไทโรน มิงส์, คีแรน ทริปเปียร์ – ดีแคลน ไรซ์, คัลวิน ฟิลลิปส์ – ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาต์, ฟิล โฟเดน – แฮร์รี เคน

ขณะที่ โครเอเชีย ลงผุ้เล่น 11 คนแรก ประกอบด้วย : โดมินิก ลิวาโควิช – ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, โดมากอย วิดา, ดูเย ชาเลตา-ชาร์, ยอสโก กวาร์ดิโอล – มาร์เซโล โบรโซวิช – อันเดร ครามาริช, มาเตโอ โควาซิช, ลูกา โมดริช, อิวาน เปริซิช – อันเต้ เรบิช

Soccer Football – Euro 2020 – Group D – England v Croatia – Wembley Stadium, London, Britain – June 13, 2021 England’s Kyle Walker in action with Croatia’s Ante Rebic Pool via REUTERS/Carl Recine

เปิดฉากเริ่มเกมเพียง นาทีที่ 5 อังกฤษ เกือบได้ประตูออกนำจากจังหวะ ราฮีม สเตอร์ลิง จ่ายเข้ากลางบอลไปถึง ฟิล โฟเดน ได้โอกาสยิง บอลพุ่งไปชนเสาไกลกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย ถัดมา 4 นาที คัลวิน ฟิลลิปส์ ได้ส่องแถวสอง บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ยังไม่ผ่านมือนายด่านโครเอเชียน

30 นาทีผ่าน อังกฤษ ยังคงโหมบุก ขณะที่ โครเอเชีย รอโอกาสสวนกลับอย่างใจเย็น เกมดำเนินต่อไป จนช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนหมดเวลา 4 นาที อังกฤษมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ระยะได้ลุ้น ทว่า คีแรน ทริปเปียร์ ยิงไปติดกำแพงแบบไม่ได้ลุ้น ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยผลเสมอ 0-0

England’s Raheem Sterling vies for the ball with Croatia’s Sime Vrsaljko, left, during the Euro 2020 soccer championship group D match between England and Croatia at Wembley stadium in London, Sunday, June 13, 2021. (AP Photo/Frank Augstein, Pool)

ครึ่งหลังเกมเป็นไปอย่างสูสี นาทีที่ 54 ลูกา โมดริช ได้ลองส่องไกล นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ยังไม่ผ่านมือ โดมินิก ลิวาโควิช นายด่านโครเอเชีย

จากนั้น นาทีที่ 57 อังกฤษ ได้บุกขึ้นมาตรงกลาง คัลวิน ฟิลลิปส์ แทงบอลทะลุช่องให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนยิงเน้นๆบอลแฉลบแนวรับ โครเอเชีย เปลี่ยนทางเข้าประตู ให้ สิงโตคำราม ออกนำ 1-0 ถัดมา 4 นาที อังกฤษ เกือบได้ประตูหนีห่างในจังหวะ เมสัน เมาต์ พาบอลไปสุดเส้นหลัง ก่อนจ่ายตัดเข้ากลาง แฮร์รี เคน ได้ยิง แต่โดนไม่เต็ม บอลออกหลังไปแบบน่าเสียดาย

จากนั้น นาทีที่ 65 โครเอเชีย ได้ลุ้นบ้าง ในจังหวะ มาเตโอ โควาซิช ได้ซ้ำดาบสองในเขตโทษ แต่ยังไม่เป็นประตู ถัดมานาทีเดียว อังกฤษ ได้ลุ้นอีกครั้งจากฟรีคิกกลางประตู เมสัน เมาต์ ปั่นบอลโค้งข้ามคานออกหลังไปแบบได้ลุ้น

Soccer Football – Euro 2020 – Group D – England v Croatia – Wembley Stadium, London, Britain – June 13, 2021 England’s Raheem Sterling celebrates scoring their first goal with Mason Mount Pool via REUTERS/Carl Recine

นาทีที่ 70 ทั้งสองทีมเริ่มขยับเปลี่ยนตัวผู้เล่น อังกฤษ ส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนามมาแทน ฟิล โฟเดน ขณะที่ โครเอเชีย เปลี่ยน 2 คน ส่ง นิโคลา วลาซิช ลงมาแทน มาร์เซโล โบรโซวิช และ โยชซิป ยูราโนวิช แทน อันเดร ครามาริช จากนั้นนาทีที่ 78 โครเอเชีย เสริมหน้า ด้วยการส่ง บรูโน เพตโควิช ลงมาแทน อันเต้ เรบิช

เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย อังกฤษ ถอด แฮร์รี เคน ส่ง จูด เบลลิงแฮม ดาวรุ่ง 17 ปีลงสนามมาแทน และเริ่มลงไปตั้งรับ ขณะที่ โครเอเชีย ที่ต้องการประตูพยายามเปิดเกมบุกหวังทวงประตูคืน แต่ไม่เป็นผล จบเกม อังกฤษ เอาชนะ โครเอเชีย 1-0 เก็บ 3 คะแนนสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน