โค้ชจุ่น อนุรักษ์ ศรีเกิด รักษาการหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย เผยพ้นกักตัว 2 ก.ค. พร้อมเดินหน้าติดตามฟอร์มแข้งช้างศึกในถ้วยเอเชีย และบอลลีกลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่

โค้ชจุ่น – หลังจากที่ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้งโค้ชจุ่น อนุรักษ์ ศรีเกิด ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ ขึ้นรับตำแหน่งรักษาการหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย ระหว่างที่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือใหญ่ชาวญี่ปุ่น ติดภาระกิจส่วนตัว ยังไม่สามารถเดินทางกลับจากญี่ปุ่น มาทำงานที่ประเทศไทยได้

โดยโค้ชจุ่น พร้อมด้วยทีมงานสต๊าฟโค้ช และนักเตะทีมชาติไทยบางส่วนที่ไม่ได้ลงสนามฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2021 รอบแบ่งกลุ่ม กำลังอยู่ในระหว่างกักตัวเป็นเวลา 14 วัน หลังเดินทางกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อ 17 มิ.ย.

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลืออย่างหนาหูว่า “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมลูกหนังไทยได้ตัดสินใจสั่งปลด อากิระ นิชิโนะ พร้อมด้วยทีมงานสต๊าฟโค้ชทั้งหมด รวมถึงทีมโค้ชเยาวชนชาวต่างชาติด้วย โดยรายงานระบุว่าจะมีการแต่งตั้งโค้ชไทยขึ้นมาทำทีมด้วยสัญญา 2 ปี

ล่าสุดรักษาการกุนซือใหญ่ทีมชาติไทย เผยว่าเจ้าหน้าที่ทีมทั้งหมดรวมถึงนักเตะทีมชาติไทยจะพ้นระยะกักตัวในวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งในระหว่างการกักตัวทุกคนได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อยู่เป็นระยะ และที่ผ่านมาไม่พบว่ามีใครติดเชื้อแต่อย่างใด โดยหลังจากพ้นกักตัวแล้วตนและสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทยจะเดินทางตามดูฟอร์มนักเตะทันที

“สำหรับแผนงานที่เราวางไว้เบื้องต้นหลังจากพ้นการกักตัวแล้วจะแบ่งงานกันไปทำ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการติดตามดูฟอร์มการเล่นของนักเตะทีมชาติไทยที่เข้าข่ายในการเรียกมาเก็บตัวฝึกซ้อม โดยตัวผมเองจะเน้นไปดูเกมเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ในกลุ่มของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ด้าน โค้ชหระ (อิสสระ ศรีทะโร) จะดูการท่าเรือ เอฟซี ส่วนโค้ชอ่ำ (อัมรินทร์ เยาดำ) จะติดตามฟอร์มนักเตะในกลุ่มของราชบุรี เอฟซี”

“นักเตะที่เราต้องการดูเป็นพิเศษคือนักเตะทีมชาติไทยที่เรามีโปรแกรมสำคัญช่วงปลายปีนี้คือฟุตบอลอาเซียนคัพ (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ) รวมถึงทีมชุดใหญ่สำหรับฟุตบอลเอเชียน คัพ รอบคัดเลือก เราต้องการเก็บข้อมูลผู้เล่นให้ได้มากที่สุดเพื่อเตรียมไว้สำหรับแผนการเข้าแคมป์เก็บตัว หรือว่าโปรแกรมอุ่นเครื่อง ซึ่งแผนงานที่วางไว้คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะเราแบ่งงานกันเรียบร้อยแล้ว”

“แต่ทั้งนี้การทำงานเบื้องต้นของเราคือการติดตามดูว่านักเตะคนใดโชว์ฟอร์มเป็นอย่างไรบ้าง มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันว่าควรมีชื่อติดทีมชาติหรือไม่ ส่วนเรื่องกำหนดวันเข้าแคมป์ฝึกซ้อม หรือการหาทีมอุ่นเครื่องนั้นเรายังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด เนื่องจากยังมีเวลาอีกพอสมควร”

“ส่วนฟุตบอลซีเกมส์ที่เวียดนามช่วงปลายปีนี้ เรายังไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้วเวียดนามจะจัดซีเกมส์หรือไม่ รวมถึงข้อกำหนดเรื่องอายุของผู้เล่นด้วย โดยช่วงหลังที่ผ่านมาฟุตบอลชายในซีเกมส์ใช้นักเตะรุ่น 23 ปี แต่มีกระแสข่าวว่าครั้งนี้อาจจะลดอายุลงเหลือ 21 ปีตรงนี้ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง”

“หากสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ประกาศว่าฟุตบอลชายในซีเกมส์จะลดอายุเป็นไม่เกิน 21 ปี เรื่องนี้เราคงต้องมาคุยกันเพิ่มเติม เนื่องจากตอนนี้เรามีทีมงานโค้ชเยาวชนอยู่แล้ว อาจจะต้องขอข้อมูลเรื่องนักเตะเยาวชน 19 ปีจากทีมงานโค้ชเพิ่มเติมด้วย”

จากการเปิดเผยดังกล่าวทำให้เชื่อว่ากระแสข่าวที่บิ๊กอ๊อด จะปลดทีมงานโค้ชทุกชุดไล่ตั้งแต่ระดับเยาวชนมานั้นไม่น่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน