เลิฟปิดฉาก – เอพี และ เอเอฟพี รายงานการแถลงข่าวอำลาตำแหน่งโค้ชทีมชาติเยอรมัน ของ โยอาคิม เลิฟ วัย 61 ปี หลังทีม “อินทรีเหล็ก” ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย พ่าย “สิงโคคำราม” 2-0 ในสนามเวมบลีย์ของอังกฤษ
เลิฟแถลงข่าวออนไลน์ที่เยอรมนี ยุติการคุมทีมที่ทำมานาน 15 ปี สร้างเกียรติประวัติสูงสุดในการนำทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 แต่กลับลงเอยด้วยความผิดหวังอย่างต่อเนื่อง กระทั่งต้องประกาศว่าทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นการคุมทีมครั้งสุดท้าย
“การตกรอบครั้งนี้เป็นความรับผิดชอบของผมเอง ไม่มีข้อแก้ตัวอื่นใด คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ที่จะทำใจให้พ้นจากความผิดหวังได้” เลิฟกล่าว
สถิติคุมทีมอินทรีเหล็กของเลิฟนับจากปี 2006 ต่อจากเจอร์เกน คลินสมันน์ คือชนะ 124 นัด เสมอ 40 นัด และแพ้ 34 นัด ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย โดยเฉพาะการคว้าแชมป์บอลโลก 2014 ตามด้วยการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูโร 2016 และคว้าแชมป์คอนเฟดเดอเรชันคัพ 2017
แต่เมื่อเยอรมนี ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มมีกระแสวิจารณ์เลิฟหนักขึ้นว่าต้องยุติการคุมทีมได้แล้ว จนเลิฟต้องแถลงว่า จะยุติหลังทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020
ต่อมาเมื่อเยอรมันพ่ายแพ้ย่อยยับให้กับสเปน 6-0 เมื่อเดือนพ.ย. 2020 และยังแพ้ทีมอย่าง นอร์ทมาซิโดเนีย เมื่อเดือนมี.ค. 2021 ก็มีแฟนบอลส่วนหนึ่งเรียกร้องว่าเลิฟควรไปก่อนยูโร 2020 ด้วยซ้ำ
การสู้ศึกยูโร 2020 ที่เลื่อนมาข้ามปีเพราะสถานการณ์โควิดระบาด เลิฟไม่อยู่ในขั้นตอนการสร้างทีมนักเตะรุ่นใหม่อีก จึงหันไปเรียกใช้นักเตะชุดฟุตบอลโลก 2014 อย่าง โธมัส มุลเลอร์ และ มัตส์ ฮุมเมิลส์ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง
ทั้งมุลเลอร์และฮุมเมิลส์มีบทบาทหลักในการแข่งขันยูโร 2020 กลุ่มสุดหินที่เยอรมันอยู่ร่วมกับ ฝรั่งเศส แชมป์โลก โปรตุเกส แชมป์ยูโร และฮังการี ที่เตรียมทีมมาอย่างดี
นักเตะบางคนยังไม่ถึงพีก
“เราเคยมีและตอนนี้มีนักเตะหลายคนที่ยังไม่มีประสบการณ์พอในการเล่นทัวร์นาเมนต์ ซึ่งจากประสบการณ์ของผม คงจะต้องใช้อีก 2-3 ทัวร์นาเมนต์จนกว่านักเตะจะไต่ขึ้นระดับสูงสุด คือรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ ในสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างทัวร์นาเมนต์ ตอนนี้ผมคิดว่ายังมีนักเตะบางคนยังไปไม่ถึงขีดจำกัดสูงสุดของตนเอง”
“ทีมเราทุ่มเททุกสิ่งให้กับการแข่งขัน แสดงถึงจิตใจที่ดีมาก และมีความมุ่งมั่นยิ่งใหญ่ในทุกเกม คุณย่อมรู้สึกว่า พวกเขาต้องการบรรลุเป้าหมาย แต่บางครั้งเป้าหมายก็หายไปในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เฉพาะนัดที่เล่นเมื่อวาน (กับอังกฤษ) แต่คุณคงรับรู้ได้หลังจากเราเล่นได้ดีมากใน 60-70 นาที นัดแข่งกับโปรตุเกส และอีกครั้งในนัดแข่งกับฮังการี”
ถึงตอนนี้ทีมเยอรมนียังไม่อาจหาใครมาแทน มิโรสลาฟ โคลเซ กองหน้าตัวเก่งชุดแชมป์บอลโลก และการทำประตูแบบนั้น จนเป็นเจ้าของสถิติยิงในฟุตบอลโลกสูงสุด 16 ประตู
นัดที่เยอรมันแข่งกับอังกฤษ มุลเลอร์ และ ทีโม แวร์เนอร์ ต่างไม่ไขว้คว้าโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อพลิกสถานการณ์ ส่วนไค ฮาเวิร์ตซ์ ก็ทำได้แค่เฉียด เลิฟจึงต้องยุติการคุมทีมไว้ที่นัดที่ 198 เป็นนัดสุดท้าย
เลิฟปิดฉาก
“ผมคิดว่าเป็น 15 ปีที่ยาวนานสำหรับผม เต็มไปด้วยจังหวะที่น่าประทับใจ เราพัฒนาจนคว้าแชมป์เวิลด์คัพ 2014 คอนเฟดเดอเรชั่นคัพ 2017 ที่เป็นทีมรุ่นใหม่ มีจังหวะที่ไม่อาจลืมเลือน และแน่นอนว่า มีความผิดหวังด้วย
ผมคิดว่าทีมๆ นี้ จะมีนักเตะหลายคนเลยที่จะเป็นส่วนร่วมของทีมในปีต่อๆ ไป มีอนาคตที่สดใสมาก แน่นอนว่า ผมอวยพรให้ ฮันซี ฟลิก ผู้ที่มารับงานต่อ ประสบความสำเร็จมากมายและดีที่สุด และสำหรับผม หัวใจของผมจะยังเต้นเป็นสีดำแดงทองอยู่เสมอ”
มรดกของฟลิก
สำหรับงานที่ฟลิกมารับงานต่อจากเลิฟ คือการนำทีมเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกต่อไป โดยเห็นปัญหาแล้วว่า เลิฟไม่มีตัวนักเตะทำประตู แต่ฟลิกมีนักเตะเก่งกาจที่จะมาร่วมงานด้วย นัดแรกที่จะลงดวล คือพบทีมเล็ก อย่างลิกเทนสไตน์ วันที่ 2 ก.ย. ซึ่งน่าจะเป็นฤกษ์งามยามดี
เลิฟแนะนำส่งท้ายว่าทีมมีนักเตะที่มีความเป็นผู้นำอย่าง โยชัว คิมมิช และ ลีออน โกเร็ตซกา จะรับบทบาทใหญ่ในสองสามปีข้างหน้านี้ และจะพีกในปี 2024 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพยูโรในปีนั้น
ส่วนนักเตะรุ่นใหม่ อย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ วัย 18 ปี กองกลางไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และ ยูสซูฟา มูโกโก กองหน้าวัย 16 ปี จากโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ก็มีโอกาสเข้าร่วมทีม
เช่นเดียวกับ จามาล มูเซียลา วัย 18 ปี จาก บาเยิร์น มิวนิก ได้ลงเป็นตัวสำรองในยูโร 2020 แล้ว แต่นัดที่แข่งกับอังกฤษ ลงมาในนาที 92 ซึ่งช้าเกินไป ทั้งสำหรับตัวเขา กับเลิฟ และกับเยอรมนีด้วย
…………
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ยูโร 2020 : โยอาคิม เลิฟ สุดเศร้าอินทรีเหล็กร่วงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ยูโร 2020 : สื่อดังรายงาน โทนี โครส ตัดสินใจอำลาทีมชาติเยอรมนี