ดร.ก้องศักด ยอดมณี เตรียมชง ปรับหลักเกณฑ์อัตราเงินอัดฉีดความสำเร็จกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ กับ บอร์ดกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ หลังปัจจุบันได้รับการสนับสนุนอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 60 ของนักกีฬาโอลิมปิก

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมให้กำลังใจนักกีฬาคนพิการไทย ทำศึกพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ซึ่งก็ต้องชื่นชมนักกีฬาคนพิการไทยทุกคน ที่ช่วยกันทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้ารวมได้ 5 ทอง 5 เงิน 8 ทองแดง ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ นักกีฬาของไทยหลายคนพัฒนาขึ้นมาก หลายคนได้เหรียญครั้งแรก และยังมีการสร้างสถิติโลก และสถิติพาราลิมปิกเกมส์ขึ้นได้อีกด้วย

ผู้ว่าการกกท. เผยว่า วีลแชร์เรซซิ่ง และบอคเซีย ยังเป็น 2 ชนิดกีฬาที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลังช่วยกันคว้าเหรียญรางวัลให้ทัพนักกีฬาไทย อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราพัฒนาขึ้นก็จริง แต่คู่แข่งของเราก็พัฒนาขึ้นด้วย ดังนั้นช่วงเวลาหลังจากนี้ อยากนักกีฬาและทีมงานของแต่ละชนิดกีฬา นำจุดดี จุดผิดพลาดที่เห็นกลับมาปรับแก้ พัฒนา เพื่อโอกาสในการประสบความสำเร็จและชัยชนะในการแข่งขันรอบหน้า

“นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จคว้าเหรียญรางวัลได้จากการแข่งขัน กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พร้อมสนับสนุนเงินรางวัลเพื่อตอบแทนความสำเร็จ ส่วนในรายที่เป็นตัวแทนและไม่ได้เหรียญกลับมา ทางรัฐบาลก็เตรียมที่จะมอบพิเศษเพื่อให้เป็นการปลอบขวัญและสร้างกำลังใจ”

ดร.ก้องศักด ยังเผยถึงเรื่องเงินรางวัลสนับสนุนความสำเร็จของนักกีฬาคนพิการไทยในกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ด้วยว่า หลังจากนี้ตนเตรียมจะผลักดันเรื่องการปรับหลักเกณฑ์เงินสนับสนุนของนักกีฬาคนพิการให้เพิ่มมากขึ้น หลังปัจจุบันนักกีฬาคนพิการ ได้รับอยู่ในสัดส่วน ร้อยละ 60 เปอร์เซ็นต์ ของนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งตนรับปากว่าจะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่

สำหรับเงินรางวัลอัดฉีดตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ตามประกาศระเบียบและหลักการ เมื่อปี พ.ศ. 2559 ระบุ เงินรางวัลของนักกีฬาที่คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ มอบให้เหรียญทอง 12 ล้านบาท, เงิน 7.2 ล้านบาท และทองแดง 4.8 ล้านบาท ขณะที่กีฬาพาราลิมปิกเกมส์ เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท, เงิน 4.8 ล้านบาท และทองแดง 3 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน