คริสเตียโน โรนัลโด ซัลโวนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยปีศาจแดงชนะบียาร์เรอัล ด้านบาร์เซโลนาห่วยอีก โดนถล่มเละยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 29 กันยายน กลุ่มเอฟ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ “เรือดำน้ำสีเหลือง”บียาร์เรอัล จากสเปน

คู่นี้ถือเป็นแมตช์ล้างตาจากศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาลก่อน ซึ่งเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 (บียาร์เรอัลชนะจุดโทษ 11-10)

โดยเจ้าถิ่นส่ง คริสเตียโน โรนัลโด, บรูโร แฟร์นานเดส, ปอล ป๊อกบา ลงสนาม ด้านทีมเยือนมี ปาโก อัลกาเซร์, เยเรมี ปิโน, ดานี ปาเรโฮ

เริ่มเกมมาเพียง 7 นาที ผู้เล่นบียาร์เรอัลตัดบอลได้กลางสนาม แล้ววางยาวขึ้นหน้าให้ อาร์เนาต์ ดันจูมา หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษโดนไร้กองหลังขวางทาง แต่บอลตรงตัว ดาบิด เด เคอา ทุบทิ้งไปได้

นาที 10 อาร์เนาต์ ดันจูมา สบโอกาสลุ้นทำประตูให้บียาร์เรอัลอีกครั้ง หลังได้บอลทางบริเวณด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ แล้วโยกหาช่องยิงกะให้เข้าทางเสาสอง ดาบิด เด เคอา ยังกระโดดปัดทิ้งได้ทัน

นาที 17 แนวรุกบียาร์เรอัลอาศัยความป่วนของ อาร์เนาต์ ดันจูมา คราวนี้โยกหลอกแนวรับทางด้านซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาให้ ปาโก อัลกาเซร์ ได้ขวิดอย่างเหมาะเหม็ง ดาบิด เด เคอา ยังเซฟไว้แบบเหลือเชื่อ

นาที 45 ยังคงเป็นบียาร์เรอัลที่ได้ลุ้น เยเรมี ปิโน รับบอลจ่ายจากเพื่อนได้ทางด้านขวาของเขตโทษ ก่อนจะโยกหาช่องแล้วยิงตรงกรอบ ดาบิด เด เคอา ล้มตัวปัดไว้ทัน จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

Villarreal’s Yeremi Pino, second right, watches as his shot is saved by Manchester United’s goalkeeper David de Gea (AP Photo/Dave Thompson)

ครึ่งหลังนาที 53 บียาร์เรอัลต่อเกมกันขึ้นมาสวย ก่อนจะเป็น อาร์เนาต์ ดันจูมา หลุดเข้ามาทางด้านซ้ายของเขตโทษ แล้วเปิดมาบริเวณเสาแรกให้ ปาโก อัลกาเซร์ สไลด์ตัวชาร์จเข้าไป ทีมเยือนนำ 1-0

นาที 60 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิกทางริมกรอบเขตโทษด้านขวา บรูโน แฟร์นานเดส งัดไปบริเวณหน้าเขตโทษให้ อเล็กซ์ เตลเลส ตวัดวอลเลย์เข้าไปสวยงาม สกอร์เสมอกัน 1-1

Manchester United’s Alex Telles scores (AP Photo/Dave Thompson)

เกมทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกัน กระทั่งนาที 90+5 แมนฯ ยูไนเต็ดเปิดบอลเข้าเขตโทษ คริสเตียโน โรนัลโด โขกชงลงพื้น เจสซี ลินการ์ด โฉบเข้าถึงแล้วจิ้มคืนให้โรนัลโดซัดผ่านเซฟนายทวารเข้าไป “ปีศาจแดง” จึงชนะหวุดหวิด 2-1

Manchester United’s Cristiano Ronaldo, left, celebrates with teammate Diogo Dalot . (AP Photo/Dave Thompson)

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน อตาลันตา(อิตาลี) ชนะ ยัง บอยส์(สวิตเซอร์แลนด์) 1-0

ผ่านไป 2 นัด อตาลันตานำจ่าฝูง (4 คะแนน) อันดับ 2 ยัง บอยส์ (3 คะแนน) อันดับ 3 แมนฯ ยูไนเต็ด (3 คะแนน) อันดับ 4 บียาร์เรอัล (1 คะแนน)

ด้านกลุ่มเอช “ม้าลาย”ยูเวนตุส จากอิตาลี เปิดบ้านเฉือนชนะแชมป์เก่า “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี จากอังกฤษ 1-0

เจ้าถิ่นได้ประตูชัยจาก เฟเดริโก เคียซา นาที 46

ส่วนอีกคู่ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก(รัสเซีย) ชนะ มัลโม(สวีเดน) 4-0

ผ่านไป 2 นัด ยูเวนตุสนำจ่าฝูง (6 คะแนน) อันดับ 2 เชลซี (3 คะแนน) อันดับ 3 เซนิตฯ (3 คะแนน) อันดับ 4 มัลโม (0 คะแนน)

กลุ่มอี “เหยี่ยวลิสบอน”เบนฟิกา จากโปรตุเกส เปิดบ้านถล่ม “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลนา จากสเปน 3-0

เจ้าถิ่นได้จาก ดาร์วิน นูนเญซ นาที 3 และ 79(จุดโทษ), ราฟา ซิลวา นาที 69 แถมทีมเยือนต้องเหลือ 10 คน เอริก การ์เซีย ถูกไล่ออกนาที 87

อีกคู่ บาเยิร์น มิวนิก(เยอรมนี) ถล่ม ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) ไปถึง 5-0 ประตู จาก เลวานดอฟสกี 2 ประตู ตามด้วย กนาบรี ซาเน และชูโป-โมติง

Bayern’s Leroy Sane, background, takes a shot as Dynamo Kyiv’s Illya Zabarnyi defends. (AP Photo/Matthias Schrader)

ผ่านไป 2 นัด บาเยิร์นนำจ่าฝูง (6 คะแนน) อันดับ 2 เบนฟิกา (4 คะแนน) อันดับ 3 ดินาโม (1 คะแนน) อันดับ 4 บาร์เซโลนา (0 คะแนน)

กลุ่มจี “หมาป่า”โวล์ฟสบวร์ก จากเยอรมนี เปิดบ้านเสมอเซบียา จากสเปน 1-1

เจ้าบ้านได้จาก เรนาโต สเตฟเฟน นาที 49 ส่วนทีมเยือนได้จาก อิวาน ราคิติช นาที 86(จุดโทษ) โดยโวล์ฟสบวร์กต้องเหลือ 10 คน โฌซูอา กิลาโวกี ถูกไล่ออกนาที 85

ส่วนอีกคู่ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก(ออสเตรีย) ชนะ ลีลล์(ฝรั่งเศส) 2-1

ผ่านไป 2 นัด ซัลซ์บวร์กนำจ่าฝูง (4 คะแนน) อันดับ 2 เซบียา (2 คะแนน) อันดับ 3 โวล์ฟสบวร์ก (2 คะแนน) อันดับ 4 ลีลล์ (1 คะแนน)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน