ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผยปรับแก้ร่างกฎหมายควบคุมสารต้องห้าม เสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมส่งให้ วาดา พิจารณา เพื่อนำกลับมาแก้กฎหมายต่อไป

ตามที่ องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ วาดา ออกประกาศแบน ประเทศไทย ไม่สามารถดำเนินการจัดแข่งขันระดับภูมิภาค ทวีป และโลก รวมทั้งใช้ธงชาติไทยในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากประเทศไทย ทำผิดกฎของวาดา ในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และลักษณะการบริหารงานไม่เป็นองค์กรอิสระจากหน่วยงานภาครัฐ ขณะที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และคณะกรรมการกฤษฎีกา กำลังประชุมหารือกันทุกสัปดาห์ ๆ ละ 2 ครั้ง เพื่อพยายามที่จะหาบทสรุปในการแก้กฎหมายของไทย ให้สอดรับกับวาดา ให้ได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าพบคณะกรรมการกฤษฎีกา ทางกกท. ได้ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ และความต้องการของวาดา ที่อยากให้หน่วยงานการตรวจสารต้องห้ามของไทย ได้มาตรฐานสากล ซึ่งทาง กฤษฏีกา รับทราบ และเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี โดยคาดกลางสัปดาห์หน้า ร่างกฎหมายที่ปรับแก้ ให้การทำงานของหน่วยงานตรวจสารต้องห้าม ให้เป็นอิสระจากภาครัฐ และ การกำหนดบทลงโทษของผู้เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ในเบื้องต้นจะเสร็จเรียบร้อย พร้อมส่งให้ วาดา พิจารณาว่า เป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ หาก วาดา เห็นด้วย ก็จะได้นำกลับมาให้ กฤษฎีกา และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาตามลำดับ ต่อไป

ผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังได้ประชุมออนไลน์ ร่วมกับ วิโทลด์ บันก้า ประธานวาดา โดยมีคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) ชาวไทย ร่วมหารือด้วย ซึ่งทางวาดา ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะที่ กกท. ได้แสดงให้เห็นว่า เรากำลังแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้มีการพูดถึงว่า เราจะขอให้ลดโทษแบน เพราะหากจะพูดในเรื่องนี้ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่การแก้ไขกฎหมายของไทย จะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อน

“ทั้งนี้ในส่วนของบทลงโทษของวาดา ที่ห้ามกรรมการชาวไทย ทำหน้าที่ในสหพันธ์กีฬานานาชาติ เป็นเวลา 1 ปีนั้น เกี่ยวข้องเฉพาะแค่ผู้แทนจากไทย เฉพาะแค่ผู้แทนที่หน่วยงานภาครัฐส่งไปยังสหพันธ์กีฬานั้น ๆ เท่านั้น ส่วนในนามบุคคลทั่วไป ยังคงได้ทำหน้าที่ต่อไปเหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด” ดร.ก้องศักด กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน