สตีฟ บรูซ อดีตผู้จัดการทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ระบุอาจจะไม่รับงานคุมทีมฟุตบอลอีกแล้ว เหตุโดนดูถูกอย่างหนักตลอดช่วงเวลาคุมทัพ “สาลิกาดง” จนส่งผลกระทบทั้งกับตัวเอง และครอบครัว

โดย บรูซ เพิ่งแยกทางกับ นิวคาสเซิล ซึ่งมี พับลิก อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (พีไอเอฟ) กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย เป็นเจ้าของเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ด้วยการตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่าย หลังเจ้าตัวพาทีมทำผลงานได้ย่ำแย่ในซีซั่นนี้ ด้วยการอยู่อันดับ 19 ของตารางพีรีเมียร์ลีก จากการมีเพียง 3 คะแนนจาก 8 นัด พร้อมจบเส้นทางการคุมทีมในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ก ตั้งแต่ปี 2019

หลังอำลาตำแหน่ง เฮดโค้ชวัย 60 ปี ให้สัมภาษณ์ว่าการคุมทัพ นิวคาสเซิล อาจจะเป็นงานสุดท้ายของเขาในฐานะกุนซือ หลังโดนคำดูถูกถาโถมอย่างหนักตั้งแต่เข้ามาทำงานกับ “สาลิกาดง” โดยระบุ “ผมคิดว่านี่อาจเป็นงานสุดท้ายของผม ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับผมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทั้งครอบครัวของผม และผมไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนั้นได้ ครอบครัวเป็นห่วงผม โดยเฉพาะ แจน ภรรยาของผม”

Soccer Football – Premier League – Newcastle United v Tottenham Hotspur – St James’ Park, Newcastle, Britain – October 17, 2021 Newcastle United manager Steve Bruce REUTERS/Scott Heppell EDITORIAL USE ONLY.

 

“ตอนที่ผมไปถึง นิวคาสเซิล ผมคิดว่าสามารถรับมือกับทุกอย่างได้ แต่มันก็ยากมากๆ การไม่เคยเป็นที่ต้องการจริงๆ รู้สึกว่ามีคนต้องการให้ผมล้มเหลว การได้อ่านเจอว่าผมจะไม่ประสบความสำเร็จ ผมมันไร้ประโยชน์ ผมเป็นคนอ้วนที่รกโลก เป็นคนโง่เขลา เป็นไอ้หัวผักกาด หรืออะไรก็ตาม ซึ่งมันเป็นมาตั้งแต่วันแรก” บรูซ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ บรูซ เพิ่งผ่านการทำสถิติคุมทีมครบ 1,000 นัดในเกมที่พ่าย ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-3 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน