หงส์แดง-อาแจ็กซ์ยังบินสูงบนเส้นทางยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ เมื่อทั้งคู่คว้าชัยนัดล่าสุด ทำให้ยังรักษาสถิติชนะต่อเนื่องและผ่านเข้ารอบไปอีก 2 ทีม

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน กลุ่มบี “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน

เกมนี้เจ้าถิ่นจัด ดิโอโก โชตา, ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานในแดนหน้า ขณะที่แอตฯ มาดริดนำโดย หลุยส์ ซัวเรซ, อังเคล กอร์เรอา, เชา เฟลิกซ์

ครึ่งแรกนาที 13 ลิเวอร์พูลขึ้นเกมรุกทางฝั่งขวา ก่อนจะเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลลอยสูงพุ่งไปหน้าประตู แนวรับแอตฯ มาดริดปล่อยลูกเด้งลงพื้นไปถึง ดิโอโก โชตา โฉบมาขวิดเข้าไป เจ้าถิ่นนำ 1-0

นาที 21 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หวดบอลแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู เปิดโอกาสให้ ซาดิโอ มาเน โฉบเข้ามาชาร์จเผาขนไม่พลาด ลิเวอร์พูลทิ้งห่าง 2-0

นาที 36 สถานการณ์ของแอตฯ มาดริดแย่ลงไปอีก เฟลิเป มอนเตยโร ทำฟาวล์ตัดเกม ซาดิโอ มาเน ด้วยวิธีย่ำใส่ข้อเท้า ทำให้ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทีมเยือนเหลือผู้เล่น 10 คน

นาที 42 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงจากมุมเขตโทษด้านขวา ยาน โอบลัก ต้องปัดทิ้ง แต่ลิเวอร์พูลยังได้บุกต่อเนื่อง คอสตาส ซิมิกาส เปิดจากฝั่งซ้ายไปหน้าประตูให้ ดิโอโก โชตา โฉบมาโขก โอบลักยังเซฟได้เยี่ยมอีกครั้ง จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 2-0

ครึ่งหลังนาที 48 โฌเอล มาติป เลี้ยงบอลขึ้นสูงมา แล้วจ่ายทะลุช่องสุดงามให้ ดิโอโก โชตา หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านนายทวารไม่เหลือ แต่ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วเป่าเป็นการล้ำหน้า ลิเวอร์พูลจึงยังไม่ได้เพิ่ม

นาที 53 เจ้าถิ่นสร้างโอกาสต่อเนื่อง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ควบหลุดมาทางริมเส้นด้านขวาจนเข้ามาเผชิญหน้าผู้รักษาประตู แต่ยิงไปติดเซฟอย่างน่าเสียดาย

นาที 57 แอตฯ มาดริดเปิดฟรีคิกระยะไกลไปถึงเขตโทษ โฮเซ มาเรีย คิเมเนซ โขกชงย้อนมาให้ หลุยส์ ซัวเรซ ซัดไปแฉลบคู่แข่งเปลี่ยนทางเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินเป่าว่าคิเมเนซล้ำหน้าก่อนแล้ว ทีมเยือนจึงชวดตีไข่แตก

นาที 85 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดบอลให้ ดิโอโก โชตา กระโดดขึ้นวอลเลย์ติดบล็อกกองหลัง บอลมาเข้าทาง ทาคุมิ มินามิโนะ ซัดตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นการฟาวล์ของโชตาข้อหายกเท้าสูง จบเกมลิเวอร์พูลชนะไป 2-0

ผลอีกคู่ เอซี มิลาน(อิตาลี) เสมอ ปอร์โต(โปรตุเกส) 1-1

ทำให้ผ่านไป 4 นัด ลิเวอร์พูลชนะรวด กวาดไป 12 คะแนนเต็ม การันตีเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม อันดับ 2 ปอร์โต (5 คะแนน), อันดับ 3 แอตฯ มาดริด (4 คะแนน), อันดับ 4 มิลาน (1 คะแนน)

ด้านกลุ่มเอ ไลป์ซิก จากเยอรมนี เปิดบ้านเสมอปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส 2-2

เกมนี้เจ้าถิ่นได้จาก คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู นาที 8, โดมินิก โซบอสไล นาที 90(จุดโทษ) ส่วนทีมเยือนได้จาก จอร์จินโย ไวนัลดุม นาที 21 และ 39 โดยไลป์ซิกทิ้งโอกาสจากจุดโทษอีกลูกนาที 12 อังเดร ซิลวา ยิงไม่เข้า

อีกคู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้(อังกฤษ) ชนะ คลับ บรูช(เบลเยียม) 4-1

หลังผ่านไป 4 นัด แมนฯ ซิตี้นำจ่าฝูง (9 คะแนน) ตามด้วยอันดับ 2 เปแอสเช (8 คะแนน), อันดับ 3 คลับ บรูช (4 คะแนน), อันดับ 4 ไลป์ซิก (1 คะแนน)

กลุ่มซี “เสือเหลือง”โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จากเยอรมนี แพ้คารังต่ออาแจ็กซ์ จากเนเธอร์แลนด์ 1-3

เจ้าถิ่นได้จาก มาร์โก รอยส์ นาที 37(จุดโทษ) ส่วนทีมเยือนได้จาก ดูซาน ทาดิช นาที 72, เซบาสเตียง อัลเลร์ นาที 83, ดาวี คลาสเซน นาที 90 โดยดอร์ตมุนด์ต้องเหลือ 10 คน มัตส์ ฮุมเมิลส์ ถูกไล่ออกนาที 29

อีกคู่ สปอร์ติง ลิสบอน(โปรตุเกส) ชนะ เบซิกตัส(ตุรกี) 4-0

หลังผ่านไป 4 นัด อาแจ็กซ์ชนะรวด กวาดไป 12 คะแนนเต็ม นำจ่าฝูงและเข้ารอบแน่นอน อันดับ 2 ดอร์ตมุนด์ (6 คะแนน), อันดับ 3 สปอร์ติง (6 คะแนน), อันดับ 4 เบซิกตัส (0 คะแนน)

กลุ่มดี “ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด จากสเปน เฉือนชนะชักตาร์ โดเน็ตส์ก จากยูเครน 2-1

เจ้าถิ่นได้จาก คาริม เบนเซมา นาที 14 และ 61 ส่วนทีมเยือนได้จาก แฟร์นานโด นาที 39

อีกคู่ เชอริฟฟ์(มอลโดวา) แพ้ อินเตอร์ มิลาน(อิตาลี) 1-3

หลังผ่านไป 4 นัด มาดริดขึ้นนำจ่าฝูง (9 คะแนน) ตามด้วยอันดับ 2 อินเตอร์ (7 คะแนน), อันดับ 3 เชอริฟฟ์ (6 คะแนน), อันดับ 4 ชักตาร์ (1 คะแนน)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน