มาโน โพลกิง กุนซือช้างศึก เผยการพาทีมชาติไทยเข้ารอบรองชนะเลิศแค่งานเบื้องต้น เพราะหมายหลักคือการไปถึงแชมป์เอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ

มาโน โพลกิง กุนซือใหญ่ “ช้างศึก”ทีมชาติไทย ชาวบราซิเลียน เข้าร่วมงานแถลงความพร้อมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020) เมื่อ 17 ธ.ค. ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งไทยจะลงสนามรอบแรก กลุ่มเอ นัดสุดท้ายพบทีมชาติสิงคโปร์ วันที่ 18 ธ.ค. เวลา 19.30 น.

กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย กล่าวว่า “เกมนี้ถือเป็นเกมที่สำคัญ สำหรับทุกคนในทีม ผมคิดว่ามันแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะเราผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้แล้ว ตอนนี้ไม่เลยค่อยกดดัน แต่มันยังสำคัญตรงที่ว่าเราต้องการคว้าชัยชนะเพื่อให้ได้แชมป์กลุ่ม”

“เราเองติดตามทุกเกมของอีกกลุ่มทั้งที่สนาม และทางหน้าจอ ทั้งสามทีมที่ยังมีลุ้น ต่างมีความแข็งแกร่ง โดยผมมองว่า เวียดนามแข็งแกร่งที่สุด โดยแสดงให้เห็นด้วยการที่พวกเขายังไม่เสียประตูเลย และมีความเข้าใจในการเล่นเป็นทีม ส่วนเกมรับก็ทำได้ดี”

“ถ้าเทียบกับฟอร์มในคัดบอลโลกที่ผ่านมาของพวกเขา แม้เวียดนามจะแพ้มารวด แต่การได้ไปเล่นในฟุตบอลระดับสูง ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ ในศึกชิงแชมป์อาเซียน ฟอร์มของเขาถือว่าสม่ำเสมอ แต่ผมไม่ได้กังวลว่าจะต้องเจอกับทีมไหน เพราะทั้งสามทีมต่างยังมีลุ้น เราต้องโฟกัสตัวเอง เพราะเป้าหมายของเราคือการเป็นแชมป์”

“การคุมทีมชาติไทยลุยรายการนี้ ผมภูมิใจมากกับตำแหน่งนี้ เพราะนี่คืองานในฝันของผม แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมคือนักเตะทุกคนพยายามปรับตัวกับแผนของผมในระยะเวลาอันสั้น แต่แน่นอนว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องแก้ไข และทำให้ดีกว่านี้ด้วยระยะเวลาอันสั้น ทั้งแนวทางการเล่น สไตล์ และแนวทาง”

“ผมขอชื่นชมทุกคน ที่พยายามทำเต็มที่และทำตามแนวทาง นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น การเข้ารอบรองชนะเลิศ ถือเป็นเป้าหมายขั้นต่ำ ผมรู้ดีว่าคุณภาพ และความมุ่งมั่น เราสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์มาครองได้ นั่นคือเป้าหมายสูงสุด และเรามีเป้าหมายเดียวกัน”

“ตอนนี้เราได้ให้นักเตะที่ได้เล่นมาส่วนใหญ่ได้พักร่างกาย ตอนนี้ทุกคนใกล้ฟิตสมบูรณ์แล้ว และเกมนี้มันสำคัญ เราต้องเช็กความพร้อมของทุกคน ว่ามีใครเจ็บ หรือใครพร้อมขนาดไหน ส่วนคนที่ติดใบเหลืองเราต้องคิดกันอีกที ที่ตอนนี้เรามีสามคน เราไม่อยากให้พวกเขาโดนแบนในเกมต่อไป เราต้องตัดสินใจกันอีกครั้ง”

“ด้วยตอนนี้มีนักเตะสองคนที่ลาทีมไป ทำให้เรามีผู้เล่นทั้งหมด 28 คน ซึ่งทั้งหมดฟิตเต็มที่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือป่วย และพร้อมสำหรับเกมต่อไป ตอนนี้เราไม่มีใครมีปัญหาอะไรทั้งนั้น”

“เราได้วิเคราะห์สิงคโปร์มาในระดับหนึ่ง ซึ่งถือเป็นทีมที่ค่อนข้างอันตราย มีเกมรับและรุกได้ดี เล่นลูกตั้งเตะได้ดี และได้ประตูจากลูกนิ่งมาหลายครั้ง แน่นอนว่าเขาได้เล่นในบ้านด้วย เขามีข้อได้เปรียบจากการมีแฟนบอลหนุนหลัง และสนามเปิดให้แฟนบอลเข้าชมได้ถึง 10,000 คน ช่วยนักเตะมีความกระหายในการลงสนามมากขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นข้อได้เปรียบของสิงคโปร์”

“เรื่องเป้าหมาย ถ้าเราบอกว่าขั้นต่ำคือการคว้าแชมป์ เหมือนไม่ให้เกียรติชาติอื่นๆ เพราะว่าทุกทีมต่างแข็งแกร่ง การวางเป้าหมายขั้นต่ำคือการเข้ารอบรองฯ เพราะเราเองมีเป้าหมายใหญ่อยู่แล้วนั่นคือแชมป์ เราต้องมีเป้าหมายขั้นต่ำและเป้าหมายสูงสุดเสมอ เพราะทุกคนรู้ดีว่าเราสามารถเป็นแชมป์ได้ และเดินหน้าไปทีละก้าว”

โปรแกรมนัดต่อไปทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติสิงคโปร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2564 เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7HD

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน