เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.64 ที่ ที่ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และคณะกรรมการฯ ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ที่ประชุมรับทราบ สรุปผลการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ ราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างวันที่ 2 – 6 ธันวาคม 2564 ประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 107 คน จาก 4 สมาคมกีฬา ประกอบด้วย 1. สมาคมกีฬาคนพิการแห่งปะรเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2. สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย 3. สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญาแห่งประเทศไทย 4. สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย และส่งกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 9 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา, ว่ายน้ำ, แบดมินตัน, เทเบิลเทนนิส, ยกน้ำหนัก, เทควันโด, วีลแชร์บาสเกตบอล, โกลบอล และบอคเซีย ส่วนผลการแข่งขันของนักกีฬาไทย ทำผลงานได้ 33 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน และ 19 เหรียญทองแดง โดยอยู่ในอันดับที่ 2 ของเอเชีย

นอกจากนี้ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 โดยได้เร่งแก้ไขกฎหมาย ตามข้อเสนอแนะของ องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ( WADA ) โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) แล้ว เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 ซึ่ง กกท.จะเร่งรัดให้มีที่และทำความเข้าใจและผลักดันเข้าสู่การประชุมของ WADA ปลาย ม.ค.65 โดยจะขอยกโทษทั้ง 4 ประการให้ไทยทันที ทั้งการห้ามมิให้ผู้แทนรัฐบาลไทย เป็นกรรมการในสหพันธ์กีฬานานาชาติ การเข้าร่วมเป็นกรรมการหรือมีส่วนร่วมในการบริหารงานของ WADA การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬานานาชาติ และการใช้สัญญลักษณ์ธงชาติในการแข่งขันกีฬานานาชาติครั้งต่อไปทันที และรับทราบผลการแข่งขันกีฬาอาเซี่ยนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ระหว่าง 2-6 ธ.ค. 64 โดยผลการแข่งขันนักกีฬามีพัฒนาการมากขึ้น โดยได้ 33 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน และ 19 เหรียญทองแดง เป็นอันดับสองของประเทศเอเชีย และพิจารณาเห็นชอบแผนปฎิบัติงานการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลที่ดีและการนำองค์กร ประจำปี 65 และกฎบัตรคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

พล.อ.ประวิตร’ ได้ย้ำขอให้ กกท.ให้ความสำคัญเร่งรัดปรับปรุงแก้ไขและติดตาม พ.ร.บ.การใช้สารต้องห้าม ให้สอดคล้องกับกระบวนการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก และให้ดำเนินการกำกับดูแลที่ดีและนำองค์กรเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยต้องพัฒนาและส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาให้นักกีฬาทุกประเภทเข้าถึงและใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น พร้อมกล่าวย้ำว่า กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติให้แข็งแรง รัฐบาลพร้อมส่งเสริมให้ประชาชน มีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง จึงขอให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พิจารณาเข้าไปสนับสนุนพัฒนากีฬาตามแผนงานที่กำหนด ให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนและมติของคณะกรรมการบริหารกองทุน โดยต้องมีความโปร่งใส พร้อมย้ำ ขอให้กองทุนพิจารณาสนับสนุนกีฬาใหม่ที่เข้าโอลิมปิก เช่น สเกตบอร์ด เป็นต้น เพื่อสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ส่งเข้าแข่งขันกีฬานานาชาติและสนับสนุนเยาวชนออกมาร่วมเล่นกีฬากันให้มากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน