จากกรณีที่ ชีค อาหมัด อัล ฟาฮัด อัล ซาบาห์ ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้เข้าพบผู้แทนรัฐบาลไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ปีที่แล้ว เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ ที่ประเทศไทย จะรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 2021 ซึ่งในตอนนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่ทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจที่จะรับเป็นเจ้าภาพ และได้มีการขอให้เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นเมืองหลักในการรับหน้าเสื่อจัดครั้งดังกล่าว เพราะมีความพร้อมในทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ต้องเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกครั้งว่าเห็นชอบหรือไม่
โดยก่อนหน้านี้ ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ปี 2005 และกีฬาเอเชี่ยนมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 1 ปี 2009 ไทยเคยเป็นเจ้าภาพครั้งประเดิมของทั้ง 2 เกมมาแล้ว โดยกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ จัดต่อไปอีก 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 จัดที่มาเก๊า ปี 2007 และครั้งที่ 3 จัดที่เวียดนาม ปี 2009 ขณะที่กีฬาเอเชี่ยนมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วล้มเลิกไป โดยโอซีเอ เจ้าของเกม ได้ยกเครื่องใหม่ นำ 2 เกมดังกล่าวมารวมกันเป็นกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ เริ่มครั้งที่ 4 ต่อเนื่องไป ที่เกาหลีใต้ ปี 2013 และล่าสุด ครั้งที่ 5 เมื่อระหว่างวันที่ 17-27 ก.ย.ปีที่ผ่านมา ที่เติร์กเมนิสถาน ปี 2017 นั้น
ในเรื่องนี้ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ (ฟอนซา) กล่าวเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารฟอนซา ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน เมื่อหลายวันก่อน ที่มี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายด้านการพัฒนากีฬาด้วยว่า สำหรับกรณีที่ โอซีเอ ได้เสนอให้ไทยจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ 2021 นั้น โดยส่วนตัวอยากเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐบาล คิดให้รอบคอบที่สุด เพราะจะเห็นได้ว่า ในทุกครั้งที่โอซีเอ เจ้าของเกมหาเจ้าภาพไม่ได้ ก็จะมองมาที่ไทยเราก่อน ซึ่งเราไม่ควรตามใจโอซีเอ ทุกครั้งขนาดนั้น
“หากโอซีเอ จริงใจ นอกจากจะให้ไทยเราเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ก็ควรมีข้อเสนอพ่วงให้เราจัดเกมใหญ่อย่างเอเชี่ยนเกมส์ ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งน่าจะสมน้ำสมเนื้อ เป็นการใช้งบประมาณของชาติได้ประโยชน์มากกว่า อีกอย่างในเรื่องของค่าลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขัน ที่กรณีไทยตอบรับว่าจะจัด ก็จะต้องมีการจ่ายให้โอซีเอ เจ้าของเกมด้วยนั้น ก็ต้องเจรจาให้ดี หากเรารับเป็นเจ้าภาพแบบขัดตาทัพแล้ว เรายังจะต้องจ่ายอยู่อีกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบที่สุด” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าว