คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2021-22 นัดชิงชนะเลิศ ดวลกันยืดเยื้อถึงจุดโทษ ซึ่งลากยาวต่อถึงนายทวารอีก ก่อนจะเป็นฝั่งเชลซีที่พลาด ลิเวอร์พูลจึงผงาดคว้าแชมป์

การแข่งขันฟุตบอล คาราบาว คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศึกระหว่าง 2 ทีมพรีเมียร์ลีก “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี เจอกับ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล เตะที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน

เกมนี้เชลซีจัด ไค ฮาเวิร์ตซ์, เมสัน เมาต์, คริสเตียน ปูลิซิช ลงตัวจริง ส่วนลิเวอร์พูลนำโดย ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ

เริ่มเกมมา 6 นาที เชลซีมีโอกาสก่อน เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา รอรับบอลทางริมกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วชิ่งไปหน้าประตูให้ คริสเตียน ปูลิซิช ปราดเข้ามายิงโดยไร้กองหลังประกบ ควิวิน เคลเลเฮอร์ เซฟได้เหลือเชื่อ

นาที 30 ลิเวอร์พูลน่าขึ้นนำสุดๆ นาบี เกอิตา ได้ยิงอย่างถนัดถนี่หน้าเขตโทษ เอดูอาร์ เมนดี พุ่งปัดแล้วไม่ไปไหนไกล ซาดิโอ มาเน จึงปราดเข้าซ้ำระยะเผาขน เมนดียังเซฟได้อีกครั้งอย่างเหลือเชื่อ

นาที 39 โอกาสเป็นของเชลซี ไค ฮาเวิร์ตซ์ ไหลบอลเข้าพื้นที่ด้านขวาของเขตโทษให้ คริสเตียน ปูลิซิช สอดมารับแล้วสับไกยิงทั้งแบบนั้น ลูกพุ่งไปตรงตัว ควิวิน เคลเลเฮอร์ ทุบทิ้งไปได้

นาที 45 เชลซีทิ้งโอกาสทอง ไค ฮาเวิร์ตซ์ ได้บอลทางด้านขวาของเขตโทษ แล้วงัดทะลุผ่านแนวรับให้ เมสัน เมาต์ ปราดเข้าวอลเลย์ระยะจ่อๆ แต่หลุดกรอบเหลือเชื่อ จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาที 49 เป็นเชลซีที่น่าขึ้นนำสุดๆ คริสเตียน ปูลิซิช ตักบอลข้ามแนวรับให้ เมสัน เมาต์ หลุดมาเผชิญหน้านายทวารแบบไร้ผู้เล่นอื่นขวาง ใช้อกพักลงแล้วยิงไปชนเสาเหลือเชื่อ

นาที 64 ซาดิโอ มาเน สบโอกาสแทงบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปชิพผ่านนายทวารแล้ว แต่น้ำหนักเบาเกินเลยถูก ติอาโก ซิลวา ตามมาเตะทิ้งก่อนถึงเส้นประตูทัน ลิเวอร์พูลชวดได้ประตู

นาที 67 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกเยื้องไปทางขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดลึกไปเสาสอง ซาดิโอ มาเน โขกกดลงพื้นเป็นการชงต่อให้ โฌเอล มาติป โหม่งเผาขนไม่เหลือ

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินดูวีเออาร์แล้วมองว่าในจังหวะที่บอลถูกเปิดมานั้น เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าและมีส่วนขวางไม่ให้ผู้เล่นเชลซีตามประกบมาเนทัน ทำให้ลิเวอร์พูลโดนริบประตูนี้ไป

นาที 75 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลจากแดนตัวเองยาวขึ้นหน้าให้ หลุยส์ ดิอาซ หลุดเดี่ยวจนมาถึงเขตโทษ แต่จังหวะยิงมุมค่อนข้างแคบเลยโดน เอดูอาร์ เมนดี เซฟไว้ได้ ลิเวอร์พูลจึงชวดประตูอีกครั้ง

นาที 78 เชลซีเฮเก้อ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้ามาทางด้านซ้ายของเขตโทษแล้วเปิดเข้ากลางให้ ไค ฮาเวิร์ตซ์ โขกทะลักผ่านเซฟนายทวารเข้าไป แต่แวร์เนอร์อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนแล้ว

นาที 85 ลิเวอร์พูลเปิดบอลไปหน้าประตูเข้าทาง หลุยส์ ดิอาซ ยิงติดผู้เล่นเชลซี บอลยังขลุกขลิกแถวนั้นเปิดโอกาสให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ปราดเข้ายิงซ้ำ เอดูอาร์ เมนดี ยังล้มตัวปัดทัน

นาที 90+1 จากลูกเตะมุมฝั่งขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้ากลางให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ขึ้นโหม่งทิศทางสวยแล้ว เอดูอาร์ เมนดี ยอดเยี่ยมกว่าพุ่งปัดปฏิเสธประตูลิเวอร์พูลเหลือเชื่อ

นาที 90+5 เชลซีมีลุ้นประตูชัย มาร์กอส อลอนโซ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากลางเหมือนไม่อันตราย กลายเป็นว่าบอลมาหา โรเมลูู ลูกากู ได้ตวัดยิง ควิวิน เคลเลเฮอร์ เซฟหวุดหวิด หมดเวลา 90 นาทีเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

ช่วงต่อเวลานาที 98 เทรโวห์ ชาโลบาห์ แทงบอลขึ้นหน้าให้ โรเมลู ลูกากู ไปถึงเขตโทษ จากนั้นลูกากูล็อกหนีกองหลังแล้วซัดตุงตาข่าย แต่ลูกากูล้ำหน้าก่อนแล้ว เชลซีจึงวืดประตูไป

นาที 110 โรเมลู ลูกากู ฉีกไปเล่นบอลฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเรียดไปหน้าประตูให้ ไค ฮาเวิร์ตซ์ รับได้แล้วตวัดยิงเสียบตาข่าย แต่ฮาเวิร์ตซ์ดันอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนเสียอีก เชลซีเฮเก้ออีกครั้ง

นาที 119 เชลซีตัดสินใจเปลี่ยนผู้รักษาประตูมาเพื่อการดวลจุดโทษ เกปา อาร์ริซาบาลากา ลงสนามแทน เอดูอาร์ เมนดี หมดเวลา 120 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

ผลปรากฏว่าทั้ง 2 ฝั่งยังคงดวลกันยืดเยื้อจนถึงผู้รักษาประตู ซึ่งลิเวอร์พูลไม่มีใครพลาดเลย ส่วนฝั่งเชลซี เกปา อาร์ริซาบาลากา ยิงข้ามคาน “หงส์แดง” จึงชนะไป 11-10 คว้าแชมป์รายการนี้สมัยที่ 9 เป็นสถิติสูงสุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน