หงส์แดงเสียท่างูใหญ่ เป็นการแพ้คารังหนแรกในรอบ 1 ปี แต่ยังเข้ารอบยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ส่วนเสือใต้ไร้ปรานีถล่มซัลซ์บวร์ก “เลวานดอฟสกี” กดแฮตทริกได้

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี

เกมแรกลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะมาก่อน 2-0 ส่วนเกมนี้เจ้าบ้านจัด ดิโอโก โชตา, ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนใช้งาน เลาตาโร มาร์ติเนซ, อเล็กซิส ซานเชซ, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู

นาที 25 เกมต้องหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากแฟนบอลบนอัฒจันทร์มีปัญหาสุขภาพต้องให้ทีมแพทย์ขึ้นไปดูแล ใช้เวลาสักพักก่อนที่จะแข่งกันต่อได้

นาที 31 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกทางฝั่งซ้าย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้ากลางให้ โฌเอล มาติป สะบัดโขกบอลไปชนคาน

นาที 40 อินเตอร์ได้ฟรีคิกใกล้เส้นเขตโทษฝั่งขวา ฮาคาน ชัลฮาโนกลู กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปแล้วลูกพุ่งหากรอบประตู อลิสสัน เบ็กเกอร์ ต้องปัดทิ้ง จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังนาที 61 อเล็กซิส ซานเชซ จ่ายบอลให้ เลาตาโร มาร์ติเนซ สับไกยิงจากบริเวณหน้าเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือนายทวารเสียบตาข่ายสุดสวย อินเตอร์ออกนำ 1-0

นาที 63 อินเตอร์ต้องเหลือ 10 คน อเล็กซิส ซานเชซ ตั้งใจเสียบบอลแล้วไถลไปยันใส่ ฟาบินโญ ที่ปราดเข้าหาบอลเช่นกัน ผู้ตัดสินจึงแจกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

นาที 76 ซาดิโอ มาเน งัดบอลข้ามแนวรับให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษชนเสา ลิเวอร์พูลตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกม “หงส์แดง” แพ้คาบ้าน 0-1 แต่ยังเป็นฝ่ายเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศด้วยผลรวม 2-1

ทั้งนี้ ลิเวอร์พูลแพ้เป็นแมตช์แรกในปี 2022 และถูกหยุดสถิติไร้พ่ายในแอนฟิลด์รวมทุกรายการต่อเนื่องไว้ที่ 28 นัด โดยครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีกพบฟูแลม พ่ายไป 0-1 เมื่อเดือนมีนาคม 2021

ส่วนอีกคู่ “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิก จากเยอรมนี เปิดสนามอัลลิอันซ์ อารีนา รับการมาเยือนของเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก จากออสเตรีย เกมแรกทั้งคู่เสมอกันมา 1-1

ครึ่งแรกนาที 11 กองเชียร์ได้เฮลั่นสนาม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี พักบอลได้ในเขตโทษแล้วโดน มักซิมิเลียน โวเบอร์ เสียบล้มลง เลวานดอฟสกีลุกมาสังหารเองไม่พลาด บาเยิร์นนำ 1-0

นาที 20 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี รับบอลบริเวณเส้นหน้าเขตโทษแล้วโดน มักซิมิเลียน โวเบอร์ เจ้าเก่าชนล้มลง ผู้ตัดสินให้เป็นฟรีคิกหน้าเขตโทษ แต่ต่อมาพิจารณาวีเออาร์แล้วเปลี่ยนมาเป็นจุดโทษแทน เลวานดอฟสกียิงเป็น 2-0

นาที 23 โธมัส มุลเลอร์ จ่ายทะลุแนวรับหวังให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ได้หลุดเดี่ยว ผู้รักษาประตูปราดออกมาเตะสกัดติดเลวานดอฟสกีบอลเด้งไปชนเสา แต่ลูกก็ตกอยู่แถวนั้นเปิดทางให้เลวานดอฟสกียิงง่ายๆ บาเยิร์นทิ้งห่าง 3-0

โดยเลวานดอฟสกียังกลายเป็นผู้ทำแฮตทริกที่เกิดขึ้นเร็วสุดในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ ลีก ทุบสถิติเดิมของ มาร์โก ซิโมเน ซึ่งเคยใช้เวลา 24 นาทีนับตั้งแต่เริ่มเกม สมัยเล่นให้เอซี มิลาน แมตช์เจอกับโรเซนบอร์กเมื่อปี 1996

นาที 31 คิงสเลย์ โกม็อง จ่ายบอลไปให้ แซร์ช กนาบรี รับได้ทางด้านขวาของเขตโทษ ก่อนยิงผ่านเซฟนายทวารเข้าไป บาเยิร์นนำห่างเมื่อจบครึ่งแรก 4-0

ครึ่งหลังนาที 54 เลอรอย ซาเน ไหลบอลให้ โธมัส มุลเลอร์ พลิกหลบกองหลังในเขตโทษแล้วซัดเสียบตาข่าย สกอร์ห่างไปไกล 5-0

นาที 70 เบรนแดน อารอนสัน พาบอลจากครึ่งสนามควบสูงขึ้นมา ก่อนจ่ายต่อให้ เมาริตส์ เคียร์การ์ด ยิงในพื้นที่เขตโทษเข้าประตูไป ซัลซ์บวร์กไล่มา 1-5

นาที 83 เลอรอย ซาเน รับบอลได้ทางด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนเลือกหักเข้าตรงกลางให้ โธมัส มุลเลอร์ ปราดมายิงตุงตาข่าย บาเยิร์นบวกเพิ่มเป็น 6-1

นาที 85 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี จ่ายด้วยลูกส้นให้ เลอรอย ซาเน หลุดเข้าด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนยิงมุมแคบผ่านนายทวารเข้าไป จบเกมบาเยิร์นถล่ม 7-1 เข้ารอบด้วยผลรวม 8-2

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน