เชลซี-หงส์แดงสู้กันดุเดือด 120 นาทีไม่รู้ผลอีกครั้ง คราวนี้เป็นหงส์แดงยังคงแม่นจุดโทษกว่าย้ำแค้นผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ พร้อมเดินหน้าล่า 4 แชมป์ต่อไป

การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ศึกระหว่าง 2 ทีมจากพรีเมียร์ลีก “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี รองแชมป์เก่า 2 หนซ้อน เจอกับ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล

เกมนี้เชลซีจัด โรเมลู ลูกากู, คริสเตียน ปูลิซิช, เมสัน เมาต์ ลงสนาม ส่วนลิเวอร์พูลใช้ ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ ประสานงานกันในแนวรุก

เริ่มเกมมา 9 นาที โอกาสเป็นของลิเวอร์พูล เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ดีดบอลจากแดนตัวเองขึ้นหน้าทะลุแนวรับให้ หลุยส์ ดิอาซ ควบเข้าไปเผชิญหน้านายทวาร แต่ยิงไม่คมพอเลยติดเซฟ

นาที 23 เมสัน เมาต์ ขยับไปรับบอลทางขวา แล้วจ่ายเรียดเข้าเขตโทษให้ คริสเตียน ปูลิซิช ตวัดยิงบอลเช็ดเสาออกหลัง เชลซีไม่ได้ประตู

นาที 28 เชลซีพลาดโอกาสทอง คริสเตียน ปูลิซิช แทงบอลทะลุช่องให้ มาร์กอส อลอนโซ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ อลิสสัน เบ็กเกอร์ ขยับออกมาปิดมุมไวเลยบล็อกไว้ได้หวุดหวิด

นาที 33 ลิเวอร์พูลเจอข่าวร้าย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนตัวออกแล้วให้ ดิโอโก โชตา ลงมาแทน จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาที 47 โรเมลู ลูกากู รับบอลในเขตโทษแล้วไหลให้ คริสเตียน ปูลิซิช สอดมายิง อลิสสัน เบ็กเกอร์ ยังพุ่งไปทุบทิ้งได้ทัน เชลซีจึงชวดได้ประตู

นาที 48 เชลซีเกือบออกนำจากฟรีคิกทางฝั่งขวา มาร์กอส อลอนโซ ปั่นเข้ามาลอยผ่านมือนายทวารไปแล้ว แต่บอลสูงนิดเดียวเลยโค้งไปชนคาน

นาที 83 ลิเวอร์พูลเกือบได้เฮ ซาดิโอ มาเน จ่ายบอลให้ หลุยส์ ดิอาซ สับไกยิงในเขตโทษ บอลพุ่งไปชนเสาออกหลัง

นาที 84 เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลจากฝั่งขวาพุ่งไปเสาสองถึง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยิงโดยไม่จับและไม่มีใครขวางทันแล้ว แต่บอลไปชนเสาเสียอีก ลิเวอร์พูลจึงชวดได้ประตูอีกครั้ง หมดเวลา 90 นาทีเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

ช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งคู่ยังสู้กันได้แบบสูสี แต่ไม่มีจังหวะยิงชวนหวาดเสียวเกิดขึ้น หมดเวลา 120 นาทีเสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

การยิงจุดโทษ 5 คนแรก ซซาร์ อัซปิลิกูเอตา ของเชลซี ยิงไปชนเสา ขณะที่ ซาดิโอ มาเน ของลิเวอร์พูล โดนนายทวารเซฟ ทำให้เสมอกัน 4-4 ต้องดวลต่อแบบซัดเดนเดธ

จากนั้นทั้งคู่ดวลกันจนถึงคนที่ 7 เมสัน เมาต์ ของเชลซี ยิงไปติดเซฟ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะปิดกล่องโดย คอสตาส ซิมิกาส “หงส์แดง” จึงชนะ 6-5 คว้าแชมป์นี้ในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่หนล่าสุดปี 2006 ขณะที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” อกหักได้แค่รองแชมป์ 3 ปีติด

ลิเวอร์พูลได้แชมป์สมัยที่ 8 จากการเข้าชิงชนะเลิศ 15 ครั้ง และยังเป็นการย้ำแค้นเชลซีจากเมื่อคราวนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ ฤดูกาลนี้ ซึ่งเกมนั้นเสมอ 0-0 แล้วลิเวอร์พูลชนะจุดโทษ 11-10 คว้าแชมป์ไปครองอีกด้วย

นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังขยับเข้าใกล้โอกาสคว้าครบ 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว โดยตอนนี้เหลือพรีเมียร์ลีกที่กำลังขับเคี่ยวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่มีคิวชิงชนะเลิศกับเรอัล มาดริด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน