ศรีสะเกษ กระหึ่มแน่ “เสี่ยโต้ง” ชี้ บอลอุ่นเครื่อง ทีมไทย-เติร์กเมนิสถาน 27 พ.ค.นี้ แมตช์ทางการฟุตบอลทีมชาติครั้งแรก ยกระดับจังหวัดสปอร์ตซิตี้ เชื่อ อีเว้นท์กีฬากระตุ้นศก. สร้างงาน สร้างรายได้

24 พ.ค. 65 – นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่อง “ฟีฟ่า เดย์” ระหว่างทีมชาติไทย กับ ทีมชาติเติร์กเมนิสถาน ที่ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของการจัดการแข่งขันครั้งนี้ว่า

เป็นโปรเจค ที่ จ.ศรีสะเกษ ได้รับจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เนื่องจาก จ.ศรีสะเกษ เป็นสปอร์ตซิตี้ ที่มีโปรเจคในแต่ละปี ปีนี้เราอยากทำให้เป็นโอกาสของคนอีสานจริงๆ จึงลองคุยกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่าเรามีงบประมาณสำหรับเชิญทีมจากต่างประเทศเข้ามาร่วมแข่งขัน และอยากให้ทีมชาติไทยได้อุ่นเครื่อง ก่อนเตรียมทีมไปแข่งที่ประเทศอุซเบกิสถาน จึงจัดเป็นศึกฟุตบอลอุ่นเครื่องระดับ A – MATCH

นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่า ตามเจตนารมณ์เราควรให้ประชาชนได้เข้าชมฟรี แต่เนื่องจากสนามของเรามีความจุแค่ 12,000 ที่นั่ง จึงต้องใช้ระบบจำหน่ายตั๋วเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล แต่เพื่อให้เด็ก และเยาวชน มีโอกาสได้ดู จึงขายตั๋วในราคา 50 บาท อีกส่วนคือตั๋วขอบคุณ ซึ่งไม่ใช่การขอบคุณสปอร์นเซอร์

แต่ใช้ตั๋วในการขอบคุณคนที่ช่วยพวกเราจัดกีฬาแห่งชาติ ที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นเจ้าภาพเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 3,000 ใบ ขณะที่เด็ก เยาวชน และนักเรียน ที่ไม่มีกำลังทรัพย์ เราเปิดโอกาสให้ได้ชมทีมชาติไทยในวันซ้อมใหญ่ คือ วันที่ 26 พ.ค.นี้ ที่สนามซ้อมได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย

ที่สำคัญเงินจากการขายตั๋วทั้งหมดซึ่งไม่ได้หักค่าใช้จ่าย จะนำไปสร้างสนามกีฬาให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนที่ยากจน ขาดแคลนงบประมาณ หมายความว่าขณะที่ท่านมาสนับสนุนฟุตบอลไทย เงินที่ท่านจ่ายมาจะนำไปสร้างโอกาสให้กับเด็กๆต่อไป

นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยที่เป็นแมตช์ทางการ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ จ.ศรีสะเกษ ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพเอง จัดเอง และมีโอกาสดูทีมชาติไทยชุดใหญ่ทั้งชุด ความตั้งใจของเราต้องการให้ จ.ศรีสะเกษ เป็น “สปอร์ตซิตี้” มานานแล้ว เพียงแต่เราเป็นสปอร์ตซิตี้ในบริบทของเรา ที่มีคนชอบดูกีฬา ชอบออกกำลัง เวลามีกิจกรรมจัดงานกีฬาจะได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆค่อนข้างมาก เราเป็นเมืองกีฬาสำหรับทุกคน

ทั้งนี้ จากรายงานทางเศรษฐกิจปี 64 ของ จ.ศรีสะเกษ รายได้ต่อหัวของชาวศรีสะเกษ ตกอยู่ที่หัวละ 7.7 หมื่นบาทต่อปี อยู่อันดับที่ 50 กว่า จากในอดีตที่อยู่ในอันดับ 70 กว่า ปีที่แล้วการเติบโตของพืชผลทางการเกษตรของ จ.ศรีสะเกษ โตเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสาน โดยโตถึง 14% จึงคิดว่าเรามาถูกทาง เราเอาอีเว้นท์มาลงให้ตรงกับงานเทศกาลผลไม้ เราพยายามผลักดันให้คนศรีสะเกษ ทำการเกษตรในวิถีที่แตกต่างจากคนอื่น

“มีอีเว้นท์กีฬาหนึ่งครั้ง ผมเชื่อว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ยกตัวอย่าง กีฬาแห่งชาติที่เราจัด 1 เดือนที่ผ่านมา พ่อค้า แม่ค้า บางคนบอกว่าขายได้วันละ 200 – 300 บาท ช่วงโควิด – 19 แต่พอมีกีฬาแห่งชาติ เขาขายได้วันละเกือบ 2 หมื่นบาท ซึ่งหมายความว่า เท่ากับรายได้เกือบทั้งปีของเขา ในการที่เขาขายเพียงวันเดียว แล้วเขาขายได้ 1 เดือน เท่ากับเป็นการต่อลมหายใจ ต่อชีวิต เขาได้อีกยาว เราคิดว่าการมีกิจกรรมแบบนี้บ่อยๆ ทำให้มีการจ้างงานอีกด้วย” นายสิริพงศ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน