การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เมื่อวันที่ 22 กันยายน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 111 ของโลก ลงสนามพบกับ “เสือเหลือง”ทีมชาติมาเลเซีย ทีมอันดับ 148 ของโลก

เกมนี้ มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ส่ง 11 ผู้เล่นตัวจริง ประกอบด้วย กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ผู้รักษาประตู), พรรษา เหมวิบูลย์, กฤษดา กาแมน, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ธีราทร บุญมาทัน, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ, บดินทร์ ผาลา, ศุภชัย ใจเด็ด

เริ่มเกมได้เพียง 14 นาที ชนาธิป สรงกระสินธ์ เกิดอาการบาดเจ็บ ทำให้ไทยต้องเปลี่ยนเอา สุมัญญา ปุริสาย ลงมาเล่นแทน

เกมทีมชาติไทย ยังดูไม่เข้าที่เข้าทาง ขณะที่ มาเลเซีย ดูจะบุกได้น้ำได้เนื้อกว่า กระทั่งนาที 32 คอร์บิน ออง ลอว์เรนซ์ มาได้โอกาสกระโดดชาร์จที่เสาสอง เป็นประตูช็อกแฟนบอลไทย ให้ มาเลเซีย ออกนำก่อน 1-0

ครึ่งหลัง ช้างศึก ลงมาเปิดเกมรุกเข้าใส่ ขณะที่มาเลเซีย เน้นลงไปตั้งรับและรอสวนกลับ นาที 63 สุภโชค สารชาติ แทงให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ ผู้รักษาประตูมาเลเซีย ตัวต่อตัว แต่ยังยิงไปติดเซฟ

นาที 71 เป็นอีกครั้งที่ ศุภณัฏฐ์ ได้โอกาสหลุดเข้าไปยิงอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของผู้รักษาประตูมาเลเซีย

หลังจากนั้นไทยยังคงโหมบุกหนัก จนนาทีสุดท้าย 90+4 มาเลเซียมาเหลือ 10 คน จากจังหวะเข้าหนัก จนโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง ก่อนที่ไทย จะได้ฟรีคิกหน้ากรอบ แล้วเป็น สุมัญญา ปุริสาย ที่เปิดไปที่เสาสองให้ พรรษา เหมวิบูลย์ โหม่งเต็มหัวย้อนเข้าเสาแรก ตีเสมอให้ทีมชาติไทย สำเร็จ 1-1 ต้องตัดสินกันที่จุดโทษ

ผลปรากฏว่า มาเลเซีย เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า เอาชนะ 5-3 ในเวลาเสมอ 1-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ทาจิกิสถาน ในวันที่ 25 กันยายน ส่วนไทย ได้เพียงชิงอันดับ 3 กับ ตรินิแดดและโตเบโก ในวันเดียวกัน








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน